วันนี้ (26 ก.ค.2563) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออกมาแถลงยืนยันว่า นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทผู้ก่อตั้งเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง หลุดพ้นจากข้อกล่าวหาทั้งหมดในคดีขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 หลังจากพนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้วนั้น
กรณีดังกล่าวสังคมไทยได้วิพากษ์วิจารณ์ถึงกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบไปในทางลบ เพราะมีข้อเปรียบเทียบให้เห็นกับคนยากคนจนที่ต้องข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ล้วนถูกตำรวจ อัยการ และศาลดำเนินคดีและมีบทลงโทษอย่างตรงไปตรงมา แต่กลับคดีของคนรวย คนที่มีสถานะทางสังคมในระดับสูง กลับมีการตั้งข้อหา การทำสำนวน การสั่งคดีที่ฝืนความรู้สึกของประชาชน เสมือนเรามิได้ใช้กฎหมายฉบับเดียวกัน ซึ่งในที่สุดก็มีการผูกโยงมาถึงการที่รัฐบาลรับเงิน 300 ล้าน เพื่อช่วยโควิดจากบริษัทเครื่องดื่มชื่อดังดังกล่าวเมื่อหลายเดือนก่อน เป็นเรื่องเดียวกันกับเรื่องนี้ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล ที่คนจำนวนมากเชื่อว่า สามารถสั่งหน่วยงานไหนก็ได้ให้ซ้ายหัน ขวาหันก็ได้ หากจะตอบแทนผลประโยชน์จากการช่วยโควิด-19
ทั้งนี้ รัฐบาลควรเร่งดับไฟเสียแต่ต้นลม เพื่อไม่ให้ไฟแห่งความโกรธเคืองในความเหลื่อมล้ำและ 2 มาตรฐานของกระบวนการยุติธรรม ที่จะทำให้ปลาตายตัวเดียวแล้วเน่าไปทั้งข้อง หรืออาจเป็นผลให้รัฐบาลล้มไปทั้งคณะได้ หรืออาจทำให้ความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมในฝ่ายตุลาการ ต้องตกลงมาอยู่ในระนาบเดียวกันกับฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติ เฉกเช่นเดียวกันกับนักการเมืองน้ำเน่าที่กำลังแย่งชิงตำแหน่งเสนาบดีกัน โดยไม่คำนึงถึงปัญหาเศรษฐกิจที่ล้มเหลว คนตกงาน เพราะถูกโควิดคุกคาม สังคมเกิดความแตกแยก เกิดการชุมนุมประท้วงแผ่กระจายโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทำให้คนเบื่อและเกลียดรัฐบาลมากขึ้น
ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตาม ม.11(6) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติมในการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมา เพื่อดำเนินการตรวจสอบฝ่ายอัยการและฝ่ายตำรวจ ว่าเหตุใดคดีของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทผู้ก่อตั้งเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ต้องหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาทั้งหมด จนในที่สุดอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ทั้ง ๆ ที่อายุความของคดียังคงเหลืออยู่ถึงกว่า 7 ปี หากพบว่ามีกระบวนการแทรกแซงหรือการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตรงจุดไหน หรือฝ่ายใด จักได้ลงโทษเสีย ต้องยอมตัดนิ้วร้ายออกไปเพื่อรักษาชีวิต รักษากระบวนการยุติธรรมให้มีความหมาย ให้มีความน่าเชื่อถือของสังคมไทยสืบไป แต่ถ้านายกฯ ยังนิ่งเฉย ก็เตรียมตัวเตรียมใจกลับบ้านเก่าได้เลย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สน.ทองหล่อ ยืนยันถอนหมายจับ "บอส" ตั้งแต่ มิ.ย.แล้ว
อัยการไม่แจงคดี "บอส" เท่ากับตอกย้ำคุกมีไว้ขังคนจน