พื้นที่จำนวน 2 ไร่ กับอีก 28 ตารางวา ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง-ป่าหางนาค จ.กระบี่ ถูกตรวจยึดปลายเมื่อเดือน ธ.ค.2562 หลังพบการเข้ามาบุกรุกแผ้วถางโดยเอกชนรายหนึ่ง นี่เป็นคดีล่าสุดที่สะท้อนให้เห็นว่าที่ดินบริเวณนี้เป็นที่หมายปองของบุคคลภายนอก
ท่อระบายน้ำขนาดใหญ่เป็นอีกหนึ่งร่องรอยของการเข้ามาบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง-หางนาค ตั้งแต่ปี 2548 มีการออกโฉนดที่ดินจำนวน 39 แปลง แต่ภายหลังมีการร้องเรียน กระทั่งปี 2560 ถูกชี้มูลจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าเป็น "โฉนด" ที่ออกโดยมิชอบตามกฎหมาย
เจ้าหน้าที่นำทีมข่าวเดินลาดตระเวนตามแนวโฉนดที่ดินพบว่า โฉนดบางแปลงสามารถเดินทะลุลงชายหาด ที่มีลักษณะเป็นหาดส่วนตัว ทำให้มูลค่าการซื้อขาย อาจสูงถึงไร่ละหลัก 10 ล้านบาท กระบวนการตรวจสอบการได้มาของ "โฉนดที่ดิน" จึงถูกพุ่งเป้าไปที่การทุจริตแลกรับผลประโยชน์
จากการชี้มูลของ ป.ป.ช. พบว่า เจ้าหน้าที่ทั้ง 6 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต เป็นนายช่างสํารวจ 4 สํานักฟื้นฟูพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ทำหน้าที่ชี้แนวเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตอุทยานแห่งชาติ เพื่อสนับสนุนหน้าที่ในโครงการเดินสํารวจออกโฉนดที่ดิน ตามแผนปฏิบัติการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนประจําปีงบประมาณ 2548 ขณะที่อีก 5 คน เป็นเจ้าหน้าที่สังกัดกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย
และเมื่อตรวจสอบพบว่า 1 ในจำเลย ซึ่งเป็นช่างรังวัดได้เสียชีวิตจากการถูกลอบยิง โดยตำรวจตั้งประเด็นปมขัดแย้งมาจากที่ดินใน จ.กระบี่ และยังพบว่าภรรยาของช่างรังวัดรายนี้ มีชื่อเป็นผู้ครอบครองโฉนดที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง-ป่าหางนาค ด้วยเช่นกัน
เมื่อย้อนไปดูการสั่งฟ้อง ระบุว่า จำเลยทั้งหมด ดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้เอกชน ได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอ่าวนาง-หางนาค และที่ป่าไม้ถาวรใกล้เคียง โดยบังอาจรังวัดรับรองแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง-หางนาค เป็นเท็จ โดยขีดเส้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าอ่าวนาง-หางนาค ออกบางส่วน เพื่อให้มีการดําเนินการออกโฉนด คิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 200 ไร่เศษ ซึ่งตรงกับข้อมูลที่ได้ "เจ้าหน้าที่ป่าไม้" ในพื้นที่
นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า คดีทุจริตลักษณะนี้ มีร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก และที่ผ่านมา ป.ป.ช.ส่งความเห็น ให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ มากกว่า 100 คดี
สำหรับกรณีนี้ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลวินัยร้ายแรง และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พนักงานอัยการ สั่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของศาลชั้นต้น
ขณะที่ความคืบหน้าในการเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้ง 39 แปลง ขณะนี้กรมที่ดินได้ทำหนังสือหารือมายัง ป.ป.ช. เพื่อตีความตามกฎหมาย ดำเนินการเพิกถอนโฉนดทั้งหมด
ขณะที่การเอาผิดกับเอกชน สัปดาห์ที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรียกบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด 23 คน เข้ารับฟังข้อกล่าวหา ในความผิดมาตรา 151 สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำการทุจริต ซึ่งนี่นับเป็นคดีออกโฉนดโดยมิชอบตามกฎหมายที่มีผู้เกี่ยวข้อง ตั้งแต่นักการเมืองท้องถิ่นไปจนถึงนักการเมืองระดับชาติและข้าราชการระดับสูงและยังเป็นคดีที่อยู่กระบวนการตรวจสอบยาวนานกว่า 10 ปี
ข่าวที่เกี่ยว