วันนี้ (9 เม.ย.2563) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส.ของพรรคทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ ทั้งนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.เขตคลองสาน-ธนบุรี-บางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร, นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร นายพิจารณ์ เชาว์พัฒนวงศ์ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธุ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ได้เยี่ยมเยียนประชาชนพร้อมแจกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ สำหรับป้องกันไวรัส COVID-19
ในช่วงเช้าเริ่มต้นที่มัสยิดตลาดพลู จากนั้นเดินเลาะไปตาม ถ.เทอดไท ก่อนที่จะนั่งรถต่อไปลงที่ตลาดจอมทอง และปิดท้ายในช่วงบ่ายที่การเคหะธนบุรี 3 เขตบางขุนเทียน โดยมีประชาชนหลากหลายสาขาอาชีพให้ความสนใจ ร่วมพูดคุยและถ่ายรูปด้วยเป็นจำนวนมาก บางส่วนได้สะท้อนปัญหาเศรษฐกิจ มาตรการเยียวยาของรัฐบาล และร้องเรียนว่ามีขบวนการรับจ้างลงทะเบียนโดยเรียกเก็บรายละ 100-500 บาท
จากการลงพื้นที่วันนี้ทำให้ทราบว่า ยังมีประชาชนที่ไม่ได้รับการเยียวยาจากผลกระทบ ปัญหาไวรัส COVID-19 อยู่อีกจำนวนมาก ผู้ประกอบอาชีพอิสระหลายรายที่เป็นเป้าหมายของการเยียวยายังเข้าไม่ถึง เป็นต้นว่าคนที่อยู่ในชุมชนที่ใช้อินเตอร์เน็ตไม่เป็น คนขับแท็กซี่ที่วันนี้ก็ยังรอรับเงินเยียวยา ขณะที่การออกไปวิ่งรถมีรายได้ไม่ถึง 300 บาทต่อวัน เพราะแทบไม่มีลูกค้า หรือแม้
นายพิธากล่าวว่า มีแม่ค้าล็อตเตอรีรายหนึ่งที่ตลาดจอมทอง ซึ่งคิดว่าตนเองน่าจะได้เงินเดือนละ 5,000 บาท เหมือนกับเพื่อนร่วมอาชีพรายอื่นๆ แต่ปรากฏว่า เมื่อลงทะเบียนแล้ว ไม่มีรายชื่อเป็นผู้ได้รับเงินเยียวยา เพราะไม่มีทะเบียนเป็นผู้ค้า เนื่องจากเป็นรายย่อย ขณะที่แผงค้ารายใหญ่ซึ่งขึ้นทะเบียนไว้ได้รับกันถ้วนหน้า
น้องๆ นักเรียน นักศึกษาที่ทำงานเป็นพาร์ททาม ส่งเสียตัวเองเรียนก็ไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับการช่วยเหลือ และยังมีอีกหลายอาชีพมากที่มาสะท้อนปัญหาให้ฟัง วันนี้ประชาชนอยู่ในสภาวะเหมือนกลั้นหายใจ พวกเขาไม่สามารถทำงาน ไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติได้ จึงได้แต่ทนกลั้นหายใจโดยไม่รู้ว่าจะหมดลมหายใจเมื่อไหร่
ด้านนายเท่าพิภพกล่าวว่า มาเยือนพื้นที่วันนี้ มีประชาชนหลายคนเข้ามาสอบถามเรื่องเงินเยียวยาเป็นจำนวนมาก โดยเห็นว่ามาตรการช่วยเหลือจากรัฐที่ควรจะเป็น ตามที่พวกเราชาวพรรคก้าวไกลเสนอ ต้องให้อย่างเสมอภาคเท่าเทียม ถึงเวลาแล้วที่เราควรคิดถึงเรื่องรัฐสวัสดิการ นี่เป็นโอกาสที่เราจะสร้างรัฐสวัสดิการให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
บ้างก็สอบถามว่าตนเองจะได้รับหรือไม่ บ้างก็บอกว่าเข้าไม่ถึงระบบอินเตอร์เน็ต ลงทะเบียนไม่ได้ ขณะที่พ่อค้าแม่ขายหลายคนจากที่ได้พูดคุยมา ต่างรอคอยเงินเยียวยาด้วยความหวัง โดยไม่รู้ว่าจะเงินจะเข้าเมื่อไหร่ ตรวจเช็คยอดเงินกันรายวันก็มี เพราะสำหรับคนหาเช้ากินค่ำ การรอคอยแม้จะเพียง 1-2 วันนั้นมีค่ามาก ปัจจุบันมีแต่รายจ่ายออกไป ไม่เคยมีรายได้เข้ามา
ขณะที่นายณัฐชากล่าวว่า เสียงสะท้อนจากพี่น้อง กทม.วันนี้ คือ หลายคนยังเข้าไม่ถึงและไม่ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล ในการเยียวยา บรรเทา ผลกระทบจากปัญหาไวรัส COVID-19 โดยที่ชุมชนเคหะธนบุรี 3 เขตบางขุนเทียน หลายครอบครัวเช่าบ้านผู้อื่นอยู่ก็ไม่ได้รับเงินตามมาตรการคืนมิเตอร์ไฟฟ้า ขณะที่อีกหลายคนที่เป็นคนทำงานรับจ้างทั่วไป ก็ไม่อยู่ในเกณฑ์ได้รับการช่วยเหลือ
นอกจากนี้ ยังมีกรณีของคนที่ใช้อินเตอร์เน็ตไม่เป็นอยู่จำนวนมาก ซึ่งสบช่องให้เกิดมีการตั้งโต๊ะช่วยลงทะเบียนให้ โดยมีผู้ร้องเรียนมาถึงตนบอกว่า ต้องไปจ้างคนอื่นลงทะเบียนให้ มีค่าใช้จ่าย 100-500 บาท ซึ่งนี่เป็นการหากินอยู่บนความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และแม้ว่าจะลงทะเบียนได้สำเร็จแล้วก็ยังมีความเสี่ยง ไม่มีความมั่นใจใดเลยว่าจะได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาทต่อเดือนจากรัฐบาล เงินที่จ่ายไป 100-500 บาทอาจต้องสูญเปล่า