วันนี้ (9 เม.ย.2563) นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม แนะนำให้ผู้ที่จงใจกรอกข้อมูลเท็จเพื่อรับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท ว่า ควรคืนเงินหรือยกเลิกเรื่อง เพราะการกรอกข้อมูลลักษณะนี้เหมือนกับจดหมายฉบับหนึ่งที่มีแบบฟอร์มมาให้ แล้วกรอกตามแบบฟอร์ม แต่รูปแบบเป็นธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ตาม พ.ร.บ.ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จึงมีผลสมบูรณ์ แต่ถ้าข้อมูลที่ลงไปเป็นข้อมูลเท็จ ความผิดส่วนนี้จะไม่ต่างจากรณีที่ไปโรงพักใกล้บ้าน ไปลงบันทึกประจำวันในข้อความที่ไม่เป็นความจริง
การกระทำดังกล่าวอาจจะเป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จได้ ซึ่งกรณีของการลงทะเบียนออนไลน์เทียบเคียงกับกรณีแบบนั้นได้นอกจากนี้หากดูในสัญญามีการระบุว่า ถ้าตรวจพบภายหลังว่า ข้อมูลไม่เป็นความจริง ทางภาครัฐอาจจะดำเนินคดีทางอาญาและแพ่งได้
นายรณณรงค์ กล่าวต่ออีกว่า เงิน 5,000 บาทที่ประชาชนได้รับ เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิ์ในการยึดเงิน เพราะการที่จะยึดเงินได้ต้องมีคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลก่อน และการบังคับคดีในมาตรา 301 และ 302 ใน ป.วิ แพ่ง บอกว่า มีทรัพย์สินอยู่บางอย่าง มีบางรายการที่ไม่สามารถจะไปบังคับคดีได้ เช่น เงินช่วยเหลือ เงินเยียวยาสำหรับการประทังชีพไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน อย่างเงินช่วยเหลือ COVID-19 จำนวน 5,000 บาท ไม่อยู่ในข่ายบังคับคดีของเจ้าหนี้ที่จะไปบังคับคดีได้ เพราะรัฐบาลจ่ายให้เป็นเงินช่วยเหลือด้านการประทังชีพอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เงินโบนัส หรือถูกหวย 5,000
ตรวจสถานะลงทะเบียน แบบไหนได้สิทธิ - ไม่ได้สิทธิ
สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนไว้แล้ว สามารถตรวจสอบสถานะได้ง่ายๆ ว่าได้รับเงินมาตรการเยียวยา 5,000 บาท หรือไม่ได้ทันที โดยเข้าไปที่ www.เราไม่ทิ้งกัน.com เลือกเมนู ตรวจสอบสถานะ และกรอกข้อมูลส่วนตัว ได้แก่ เลขบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ และวันเดือนปีเกิด
หากหน้าจอขึ้นว่า อยู่ระหว่างปรับปรุงสถานะการลงทะเบียน (ไม่สามารถยกเลิกการลงทะเบียนได้) แสดงว่า ได้รับสิทธิรับเงิน 5,000 บาท รอการโอนเงิน
หากหน้าจอขึ้นว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แสดงว่าอยู่ในกระบวนการคัดกรอง
หากหน้าจอขึ้นว่า ไม่สามารถทำรายการต่อได้ แสดงว่า ข้อมูลบัตรประชาชนไม่ถูกต้องสามารถลงทะเบียนใหม่ได้