วันนี้ (7 เม.ย.2563) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงข่าวสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ว่า สถานการณ์ผู้ป่วยนส่วนผู้ป่วยยืนยันทั่วโลก อยู่ที่ 1,343,275 คน โดยประเทศสหรัฐอเมริกา ยังมากที่สุด กว่า 300,000 คน รายใหม่กว่า 20,000 คน และเสียชีวิตเกือบ 10,000 คนแล้ว
สำหรับประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 38 ของโลก โดยวันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเพียง 38 คน ลดลงต่อเนื่อง ยอดสะสม 2,258 คน หายป่วยกลับบ้านหายป่วยกลับบ้านเพิ่ม 31 คนรวม 824 คน มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน รักษาในโรงพยาบาล 1,407 คน
หัวใจพองโตในตัวเลขที่ลดลงเหลือ 2 หลักจากวานนี้ ตัวเลข 51 คน วันนี้เหลือ 38 คนรายใหม่ ในเหตุผลเหล่านี้ต้องมาหาดูว่าเนื่องจากอะไร เพราะตั้งแต่ต้นปีกราฟยังทรงตัว แต่ชัดเจนคือการประกาศเคอร์ฟิวช่วง 3-7 เม.ย.หรือช่วง 5 วันตัวเลขลดลง
โฆษกศบค. กล่าวอีกว่า สำหรับเป็นผู้ป่วยที่เสียชีวิตรายที่ 27 ของไทยเป็นผู้ชาย อายุ 54 ปี ไม่มีโรคประจำตัว แต่มีประวัติไปสถานบันเทิงย่านทองหล่อ เริ่มป่วยวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา และได้ใส่ท่อช่วยหายใจวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา พบปอดอักเสบรุนแรง และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 เม.ย. ด้วยระบบทางเดินหายใจล้มเหลว
กทม.ยังแชมป์ป่วย-รองลงมาภูเก็ต 138 คน
โฆษก ศบค.กล่าวว่า สำหรับหรับผู้ป่วยรายใหม่ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มใหญ่ 17 คน ยังเป็นผู้สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า ส่วนใหญ่อยู่ใน กทม. 11 คน และติดจากบ้าน ที่ทำงาน และกลุ่มเพื่อน ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มผู้ป่วยใหม่ 16 คน โดยพบอาชีพเสี่ยงเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ 7 คน และบุคลากรทางสาธารณสุข 3 คน และกลุ่มที่ 3 อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 5 คน
นอกจากนี้ กทม.ยังมีผู้ป่วยสะสมมากที่สุด 1,201 คน โดย 11 จังหวัดยังไม่มีผู้ป่วยคือ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พังงา พิจิตร ระนอง สตูล สิงห์บุรี อ่างทอง แต่ก็ต้องชื่นชมจังหวัดอื่นๆ ที่พบผู้ป่วยที่ลดลงด้วย ทั้ง จ.ชลบุรี พบใหม่เพียง 4 คน ภูเก็ต พบเพียง 3 คน ทำให้ผู้ป่วยรวมจากหลัก 100 คน เหลือแค่หลักสิบเท่านั้น
นอกจากนี้ เมื่อแยกตามปัจจัยเสี่ยง จะพบว่าผู้สัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้าลดลงต่อเนื่อง สนามมวยลดลงเกือบหมด แต่คนไทยจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาจาก 2 สัปดาห์ที่แล้ว แม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่ยังเสี่ยงอยู่ โดยสัปดาห์นี้ พบว่าคนไทยเดินทางมาจากต่างประเทศพบผู้ป่วยมาเป็นอันดับ 2 จึงต้องเน้นย้ำว่า ไทยต้องชะลอการเดินทางมาจากต่างประเทศ
ขอชมคน กทม.ด้วยที่ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ลดลงต่อเนื่อง เมื่อเห็นกราฟที่ลดลง ก็เชื่อว่าผู้บริหารคงไม่ต้องใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้น
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ป่วยจากต่างประเทศ ผู้ป่วยเป็นคนไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะจากอินโดนีเซีย รวมถึงยุโรป ขณะที่ชาวต่างชาติเริ่มลดลง แต่ในเอเชียผู้ป่วยรายใหม่ที่น่ากังวลคือ อินเดียที่มีเพิ่มขึ้น
ตัวเลขลดลงผลจากเคอร์ฟิว-ปิดเมือง
นพ.ทวีศิลป์ ยังย้ำว่าตัวเลขที่ลดลงไม่ได้มาจากการตรวจหาผู้ป่วยลดลง โดยในการประชุมร่วมกับที่ปรึกษา COVID-19 ในกลุ่มแพทย์ และนักวิชาการที่มานั่งพูดคุยกันว่าตอนนี้มีตัวเลขสะสมในห้องแลบ 71,860 คน ทำได้ทั้งในกทม.และต่างจังหวัดตรวจได้ราว 20,000 คนต่อวัน และตั้งเป้าให้ได้วันละแสนตัวอย่าง รวมทั้งต้องเตรียมเตียงในหลายระดับ ตั้งแต่ระดับเบาจนถึงห้องไอซียู รวมทั้งเครื่องช่วยหายใจที่มีการพูดกัน
ตัวเลข 38 คนนี้มีคำอธิบายว่าผลจากประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ร่วมกับเคอร์ฟิว รวมทั้งมาตรการควบคุมการเข้าออกเมืองภายในประเทศ การคัดกรองคนกลุ่มเสี่ยงต้องมีสถานที่รองรับชัดเจนและจะต้องมอนิเตอร์ต่อ
ถ้ามีไข้จะพาไปรักษา แต่ถ้าไม่ป่วยก็กลับบ้านเหมือนกับคนไทยจากเกาหลีทั้งนี้ขอย้ำว่าอย่าดีใจหยุดและยกเลิก เพราะเกาหลีใต้ เคยมีเคสคุณป้าที่เป็นซูปเปอร์สเปดเดอร์ ดังนั้นการ์ดห้ามตก เพราะในต่างประเทศยังเป็นรังโรค และขอให้ยืนระยะยาวๆ ดีกว่าวันก่อน และถ้ายิ่งเป็นตัวเลขเดี่ยวๆยิ่งดี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
หมอเตือนตัวอย่างจริงไม่กักตัวส่งเชื้อ COVID-19 ติดแม่
ข่าวดี! 7 ผู้ป่วย COVID-19 ชุดแรกของสระแก้ว กลับบ้านได้แล้ว