วันนี้ (6 เม.ย.2563) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานตัวเลขผู้ติดชื้อโควิด-19 เพิ่ม 51 คน รวมเป็น 2,220 คน เสียชีวิตเพิ่ม 3 รวมเป็น 26 คน และรักษาหายเพิ่มเติม 119 คน รวม 793 คน
ผู้ที่เสียชีวิตคือ ผู้ป่วยชายไทย อายุ 28 ปี เป็นพนักงานบริษัท ในกทม. มีประวัติเพื่อนของภรรยาติดโควิด ,ป่วยชายไทย อายุ 51 ปี และผู้ป่วยหญิง อายุ 59 ปี โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น จากตัวเลขรายงานในวันนี้ พบกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขจำนวน 13 คน เนื่องจากติดเชื้อจากการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่เก็บเชื้อ และมีจำนวน 22 คน ที่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ที่ยืนยันก่อนหน้านี้ในหลายจังหวัด
นอกจากนี้ข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรี ในฐานะเป็นประธานศูนย์ ศบค.ได้ย้ำถึงการจัดการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อ ยังคงใช้ระบบบริหารราชการของเดิมตามปกติ และบูรณาการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดผ่าน ศบค. และข้อสั่งการเมื่อสั่งแล้วผู้รับผิดชอบต้องนำไปปฏิบัติ และขับเคลื่อนโดยรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีทุกคน
และยังจัดทำแผนงานโครงการและแผนการงบประมาณรายจ่ายปี 2563 และงบกลางที่ได้อนุมัติไปแล้ว
แต่มีบางเรื่องที่ไม่สามารถดำเนินการได้ ต้องมีการปรับแผนให้เข้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส ให้ผู้รับผิดชอบจัดแผนให้สอดคล้องกัน แล้วยังมีงบกลาง ที่นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้รัฐมนตรีติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด คาดหวังให้ประชาชนเข้าใจและไว้วางใจ เชื่อมั่นในระบบการทำงานของรัฐบาล พร้อมย้ำกับประชาชนต้องสู้ด้วยกัน อย่าเชื่อสื่อโซเชียลบางสำนัก ที่สร้างความขัดแย้งในสังคมอันจะทำให้สถานการณ์แย่ลง รวมถึงข่าวลือกันเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง ที่สร้างความเข้าใจผิด
โฆษก ศบค.กล่าวว่า รายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 27 คน จ.ภูเก็ต และ จ.นนทบุรี 4 คน ชลบุรี 3 คน จังหวัดละ 2 คน มีจ.สมุทรปราการ ยะลา สุราษฎร์ ธานี พัทลุง และจังหวัดที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด กาญจนบุรี พังงา พิจิตร ระนอง สตูล สิงห์บุรี และอ่างทอง
ส่วนสถานการณ์โลกผู้ติดเชื้อ 1,271,999 คนเสียชีวิต 69,405 คน ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับ 1 ของโลก ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่สุดกว่า 3 แสนคน โดยโฆษก ศบค.ระบุว่า นี่คือสาเหตุที่รัฐบาลต้องมีมาตรการคัดกรองกักตัวกับประชาชนผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ
สำหรับการวิเคราะห์ผู้ที่ติดเชื้อในกรุงเทพมหานคร ช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนมกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม และต้นเดือนของเมษายน ที่รัฐบาลมีมาตรการเน้นย้ำให้มีการใส่หน้ากากอนามัยและล้างมือบ่อย เนื่องจากมีการติดเชื้อที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน 102 คน ถือเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ที่สุด แม้จะอยู่ในบ้านก็ต้องใส่หน้ากากอนามัยให้เสมอ
ส่วนในต่างจังหวัดมี 340 คน ที่มีการร่วมบ้านและมีจำนวนหนึ่งติดเชื้อจากคนในบ้านกันเองคือ 157 คน ขอให้แสดงความรักในรูปแบบอื่นเช่น การส่งไลน์ สติ๊กเกอร์ อย่ากอดกันในช่วงนี้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ สูงอายุและเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เป็นกลุ่มเสี่ยงที่สุด
นพ.ทวีศิลป์ยังชี้แจงมาตรการเคอร์ฟิว ระยะเวลา 6 ชั่วโมง 22.00-04.00 น. พบว่า ยังมีผู้ฝ่าฝืนออกนอกเคหสถานในวันที่ 5 เม.ย.ถึงวันที่ 6 เม.ย. ทั้งประเทศ 919 คน และมีการรวมกลุ่มชุมนุมมั่วสุมในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคในเคหะสถานอีก 79 คน โดยมีการดำเนินคดี 708 คดี และมีการตักเตือน 315 คน ทั้งนี้ในวันที่ 5 เม.ย.มีจุดตรวจ 836 จุด แต่ในวันที่ 6 เม.ย. จะมีจุดตรวจเพิ่มขึ้น 87 จุดหรือรวมทั้งหมด 923 จุด
ส่วนตัวเลขประชาชนที่อยู่ระหว่างการเดินทางก่อนเข้าประเทศไทยจำนวน 48 คน ซึ่งมีตัวแทนของสถานทูตไปดูแลแล้ว ขณะเดียวกันในวันนี้ จะมีเที่ยวบินจากทางอินโดนีเซีย ที่ขออนุญาตเข้าประเทศไว้แล้วจำนวน 111 คน ลงสนามบินหาดใหญ่ในเวลา 16.00 น. ซึ่งมีการเตรียมพร้อมของศูนย์ EOC แล้ว โดยทุกคนจะต้องมีหนังสือใบรับรองแพทย์ และ Fit to fly ไม่เกิน 72 ชั่วโมง โดยยืนยันศักยภาพของสถานการณ์เฝ้าสังเกตอาการที่รัฐกำหนด ซึ่งสามารถรองรับได้วันละ 200 คน
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า กรณีการแชร์เอกสารของทางราชการและโพสต์ข้อความเรื่องของการประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง ว่า ขณะนี้ประกาศเพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น คือช่วงเวลาสี่ทุ่มถึงตีสี่ทุกวัน และยังไม่มีการประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมงแต่อย่างใด โดยประชาชนยังต้องมีการปรับตัว ซึ่งหากประชาชนสามารถปฏิบัติตามได้ และตัวเลขของผู้ติดเชื้อลดลง มาตรการอื่นก็จะไม่มีการประกาศเพิ่ม แต่ถ้าตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นก็อาจต้องเปลี่ยนแปลง
เอกสารของกระทรวงมหาดไทย มีเจตนาสื่อสารไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด หรือฝ่ายปกครองในพื้นที่ ที่จะต้องนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ แต่สื่ออาจจะแปลงการสื่อสารกันเองทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนให้กักตุนสินค้า ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และหากมีการแชร์ข้อมูลอันเป็นข้อเท็จจะมีโทษทางกฎหมาย
ขณะที่การลงทะเบียนเราไม่ทิ้งกัน.คอม ที่มีจำนวนมากถึง 24.2 ล้านคน แต่มีผู้ยกเลิกการลงทะเบียนแล้ว 300,000 คน ซึ่งกระทรวงการคลังจะเริ่มจ่ายเงินเยียวยาตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย.นี้