วันนี้ (27 มี.ค.25 มหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ในอังกฤษ เปิดเผยผลการวิจัยโดยคาดการณ์ว่า ทั่วโลกจะมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อ COVID-19 สูงถึง 1,800,000 คน แม้ว่าทุกประเทศจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการควบคุมโรค
นักวิจัย คาดว่า หากรัฐบาลในประเทศต่าง ๆ ใช้มาตรการทางสาธารณสุขอย่างรวดเร็ว ทั้งการตรวจ กักตัว และรักษาระยะห่างทางสังคม อาจจะช่วยชีวิตผู้คนได้หลายล้านคน
การศึกษาชิ้นนี้จำลองสถานการณ์จากข้อมูลปัจจุบันเกี่ยวกับความรุนแรงของไวรัส การติดต่อของโรคและอัตราการเสียชีวิต รวมถึงข้อมูลประชากร และปัจจัยทางสังคมต่าง ๆ หากไม่มีมาตรการแทรกแซงใด ๆ ก็มีความเป็นไปได้ที่เชื้อนี้จะแพร่กระจายไปติดคนเกือบทั้งหมดในโลกภายในปีนี้ และทำให้มีผู้เสียชีวิตสูงถึง 40 ล้านคน
ผลวิจัยดังกล่าวเผยแพร่ออกมาในขณะที่สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากที่สุดในโลก รองลงมาเป็นจีน และอิตาลี โดยมีผู้ที่เข้ารับการตรวจและยืนยันว่าติดเชื้อแล้ว 85,991คน ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 1,296 คน น้อยกว่าในอิตาลี ซึ่งอยู่ที่ 8,215 คน
สหรัฐฯ อาจเสียชีวิต 81,000 คน
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งวอชิงตัน ยังวิเคราะห์ข้อมูลจากภาครัฐ โรงพยาบาลและแหล่งอื่น ๆ ทำให้ประมาณการได้ว่าในอีก 4 เดือนข้างหน้า COVID-19 อาจคร่าชีวิตชีวิตชาวอเมริกันมากถึง 81,000 คน และจะยังแพร่ระบาดรุนแรงถึงเดือนมิถุนายนเป็นอย่างน้อย
สำหรับจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลทั่วประเทศ จะเพิ่มขึ้นสูงสุดในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนเมษายน และในเดือนกรกฎาคมอาจพบผู้เสียชีวิตต่อเนื่องอยู่ในบางรัฐ แม้จะคาดการณ์ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตต่อวันจะลดลงตั้งแต่ในเดือนมิถุนายนแล้วก็ตาม
ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า จะต่อสายตรงถึงนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับโรคระบาด โดยทรัมป์ชื่นชมการรับมือ COVID-19 อย่างมีประสิทธิภาพของจีน แต่ขณะเดียวกันก็ตั้งข้อสังเกตว่า จีนอาจไม่ได้เปิดเผยตัวเลขผู้ติดเชื้อทั้งหมดอย่างโปร่งใส
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทั่วโลกติดเชื้อ 5.2 แสนคน สหรัฐฯ ป่วยสูงกว่าจีน-อิตาลีแล้ว
เครื่องบินถูกจอดทิ้ง ผลกระทบ COVID-19
WHO ชี้ปิดประเทศ ยังไม่ชนะไวรัส