วันนี้ (19 มี.ค.2563) ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 ได้นำตัว น.ส.ณัปอิศรา ขอสุข นายพงษ์พันธ์ โสมสุด น.ส.น้ำฝน เอยศิริ น.ส.อุมาพร มั่นคง น.ส.นิศรา มหาเรือนขวัญ นางทัศพร ฉันทนาภิธาน และ น.ส.ตาว ตรีเทวี เป็นจำเลย มายื่นฟ้องต่อศาล ในความผิดฐานจำหน่ายหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นสินค้าควบคุมในราคาสูงเกินสมควร หรือทำให้ปั่นป่วนซึ่งราคาของสินค้า ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มาตรา 29, 40
สืบเนื่องจากช่วงบ่ายที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) นำสำนวนคดีของผู้ต้องหาทั้ง 7 กรณีขายหน้ากากอนามัยเกินราคาควบคุมตามกฎหมาย มาให้อัยการพิจารณาและนำตัวส่งฟ้องเป็นจำเลยต่อศาล
โดยอัยการได้แยกฟ้องจำเลยคนละสำนวน รวม 7 สำนวน ศาลสอบคำให้การจำเลยทั้งหมดแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพทั้งหมด ซึ่ง น.ส.อุมาพร มีหน้ากากอนามัยสีเขียวไว้ในครอบครองและจำหน่ายเกินราคา 4, 000 ชิ้น ศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน
น.ส.ตาว มีหน้ากากอนามัย จำนวน 750 ชิ้น พิพากษาจำคุก 2 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี
น.ส.น้ำฝน มีหน้ากากอนามัย125 ชิ้น นายพงษ์พันธ์ มีหน้ากากอนามัย 150 ชิ้น และ น.ส.ณัปอิศรา มีหน้ากากอนามัย 150 ชิ้น พิพากษาจำคุก 1 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยทั้งสามคนคนละ 6 เดือน
ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า จำเลยทั้ง 5 มีการกระทำอันเป็นการฉกฉวยโอกาสที่โรคไวรัสโควิด-19 อุบัติร้ายแรงแพร่ระบาดไปทั่วโลก บุคลากรทางแพทย์และประชาชนมีความจำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัย สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว แต่จำเลยทั้ง 5 กลับจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคาควบคุมที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงเห็นสมควรไม่รอการลงโทษจำเลยทั้ง 5
ส่วน นางทัศพร มีหน้ากากอนามัย 50 ชิ้น และ น.ส.นิศรา มีหน้ากากอนามัย 8 ชิ้น พิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยคนละ 6 เดือน ปรับคนละ 25,000 บาท พิเคราะห์พฤติการณ์จำเลยทั้งสองมีของกลางปริมาณน้อย และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี
หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวจำเลย 5 คน ที่ศาลไม่รอการลงโทษไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป