วันนี้ (18 มี.ค.2563) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ออกประกาศเพิ่มอีก 1 ฉบับ หลังจากก่อนหน้านี้ กพท.ได้ออกประกาศ เรื่องแนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการเดินอากาศเกี่ยวกับการให้บริการจากท้องที่นอกราชอาณาจักร ที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายกรณีโรคติดเชื้อ COVID-19 ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ประกาศเพิ่มเติมจะเป็นมาตรการตรวจสอบผู้โดยสารที่ไม่ได้เดินทางมาจาก 6 พื้นที่เสี่ยง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ แต่จะเพิ่มประเทศที่ผู้โดยสารเคยผ่าน หรืออยู่มาจากประเทศที่ สธ.ได้เคยประกาศว่าเป็นเขตระบาดโรคฯ ซึ่งหากเดินทางมาแล้วไม่เกิน 14 วัน จะต้องมีใบรับรองแพทย์ ถ้าไม่มีใบรับรองแพทย์ดังกล่าว ไทยจะปฏิเสธเข้าประทศ อย่างไรก็ตามจะมีผลใช้บังคับภายใน 48 ชั่วโมงข้างหน้า
สำหรับประกาศเพิ่มเติมนั้น สืบเนื่องจากพบข้อมูลว่า มีผู้โดยสารจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางอ้อมประเทศไทยจากประเทศที่ สธ. ประกาศเป็นพื้นที่แพร่ระบาดโรคฯ โดยไม่บินเข้าประเทศไทยโดยตรง บินอ้อมไปยังประเทศข้างเคียงที่ สธ.ไม่ได้ประกาศฯ เพื่อไม่ต้องอยู่ในมาตรการตรวจสุขภาพของไทย
"ศักดิ์สยาม" วอนให้กำลังใจนายกฯ ทำงานหนัก
การออกประกาศเพิ่มเติมดังกล่าวเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (Emergency Operation Center หรือ EOC) ในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จะต้องตรวจพาสปอร์ตย้อนหลังของผู้โดยสาร หากพบว่าภายใน 14 วัน อยู่ในประเทศที่เป็นเขตโรคระบาด จะต้องใช้มาตรการเดียวกันกับก่อนหน้านี้ ซึ่งสายการบินต่างๆ จะต้องรับทราบข้อปฏิบัติของไทย เพื่อแจ้งผู้โดยสารทราบและเฝ้าระวังไม่ให้มีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสฯ
อยากให้ช่วยให้กำลังใจรัฐบาล ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำงานหนักมาก นอนไม่ค่อยหลับ ทานอาหารไม่ค่อยอร่อย เนื่องจากกังวลและเป็นห่วง เพื่อหาวิธีการทำงาน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องทำงานด้วยกัน ต้องให้กำลังใจกัน จะเป็นประโยชน์
ประกาศอีก 10 ประเทศกลุ่มเสี่ยง-มาตรการเดียวกัน
ด้านนายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ กพท. กล่าวว่า ประเทศกลุ่มเสี่ยง 10 ประเทศที่ กพท.ประกาศเพิ่มคือ สเปน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อังกฤษ, สวิสเซอร์แลนด์, ญี่ปุ่น, นอร์เวย์, สวีเดน, เดนมาร์ก และสหรัฐอเมริกา จะทำให้มีประเทศที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของประกาศ กพท.รวมทั้งสิ้น 14 ประเทศ และ 2 เขตบริหารพิเศษ
ก่อนหน้านี้ กพท.ได้ออกประกาศไปแล้วเมื่อวันที่ 8 มี.ค.2563 ให้ผู้โดยสารที่เดินทางมาจาก 4 ประเทศ และ 2 เขตบริหารพิเศษ ต้องถูกกักตัวและอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อตามที่รัฐบาลไทยกำหนด
อย่างไรก็ตาม ในประกาศฉบับที่ 2 จะมีข้อกำหนด ระเบียบปฎิบัติ เช่นเดียวกับประกาศฉบับที่ 1 ผู้โดยสารที่เดินทางมาจาก 10 ประเทศกลุ่มเสี่ยงจะต้องอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อตามที่รัฐบาลกำหนด และผู้ดำเนินการเดินอากาศที่ให้บริการจากสถานีต้นทางใน 10 ประเทศจะต้องคัดกรองผู้โดยสาร
ไม่มีใบรับรองแพทย์ขึ้นเครื่องไม่ได้
การแสดงตัวเพื่อออกบัตรขึ้นเครื่อง (เช็คอิน) ผู้โดยสารต้องแสดงใบรับรองแพทย์ เพื่อยืนยันว่าผู้โดยสารไม่มีความเสี่ยงจากโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยมีอายุใบรับรองแพทย์ไม่เกิน 72 ชั่วโมง หรือ 3 วันก่อนการเดินทาง
และก่อนเดินทางผู้โดยสารจะต้องกักตัวเองก่อนเดินทาง 14 วัน และหากผู้โดยสารไม่สามารถแสดงใบรับรองแพทย์ได้ ให้งดการออกบัตรขึ้นเครื่องให้แก่ผู้โดยสาร และเมื่อตรวจสอบใบรับรองแพทย์และออกบัตรขึ้นเครื่องให้ผู้โดยสารแล้ว ให้ผู้โดยสารกรอกข้อมูลและยื่นต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศที่สนามบินปลายทาง
นอกจากนี้ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศมีอำนาจออกคำสั่ง ได้แก่ ห้ามผู้ใดเข้าไปในหรือออกจากอากาศยานที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
ยังคุมเข้มทุกขั้นตอนหวั่นแพร่เชื้อ
ในประกาศยังได้ห้ามนำพาหนะอื่นใด เข้าเทียบอากาศยานที่เดินหางเข้ามาในราชอาณาจักร, กำจัดความติดโรค เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ของโรคจัดให้อากาศยานจอดอยู่ ณ สถานที่ที่กำหนด จนกว่าเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อประจำด่านควบคุมฯ จะอนุญาตให้ไปได้ และให้ผู้เดินทางซึ่งมากับพาหนะนั้น รับการตรวจในทางแพทย์ และอาจให้แยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต หรือรับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ณ สถานที่และระยะเวลาที่กำหนด
ขณะเดียวกัน ผู้ดำเนินการเดินอากาศต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการขนส่งผู้เดินทางซึ่งมากับอากาศยานนั้น เพื่อแยกกัก กักกัน คุมไว้สังเกต หรือรับการส่งเสริมภูมิคุ้มกันโรค ตลอดทั้งออกค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู การรักษาพยาบาล การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ
นอกจากนั้น ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศแจ้งปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังโรคติดต่ออันตราย และมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดต่ออันตรายตามที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศโดยเคร่งครัด และให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศแจ้งแนวปฏิบัติดังกล่าวให้เจ้าหน้าที่ประจำสถานีต้นทาง และเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานให้ทราบและถือปฏิบัติ และให้เจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานประกาศเพิ่มเติมบนอากาศยานให้ผู้โดยสารทราบโดยทั่วกัน
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมระบุว่า ก่อนหน้านี้ กระทรวงสาธารณสุข โดยคำแนะนำของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้ประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 พร้อมทั้งกำหนดท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายกรณีโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ได้แก่ สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐประชาชนจีน เขตบริหารพิเศษมาเก๊า เขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐอิตาลี และสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน เป็นเขตโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19