วันนี้ (14 มี.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเปโดร ซานเชซ นายกรัฐมนตรีของสเปน ประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อรับมือกับเชื้อ COVID-19 ที่ระบาดรุนแรงในประเทศ เป็นอันดับ 2 รองจากอิตาลี โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อในสเปนล่าสุดอยู่ที่ 5,232 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 133 คน
บุณณดา รัตนะ คนไทยในประเทศสเปน ได้เล่าถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อ COVID-19 ภายในกรุงมาดริด ว่า ภายหลังรัฐบาลมีมติให้ปิดโรงเรียน สถานบันเทิง สถานที่ท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ และให้งดทำกิจกรรมการนอกบ้านเป็นเวลา 15 วัน เพื่อควบคุมการระบาดเชื้อไวรัส
ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา ขณะที่ประชาชนเริ่มกักตุนสินค้าเครื่องอุปโภค-บริกโภค น้ำดื่ม หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ เพราะภายในคืนเดียวมียอดผู้ติดเชื้อกว่า 2,000 คน
ก่อนจะมีประกาศควบคุม พบว่าการสวมหน้ากากอนามัยในกลุ่มเยาวชนค่อนข้างน้อย เพราะคนสเปนยังเชื่อว่าส่วนใหญ่ผู้ที่ติดเชื้อคือผู้กลุ่มสูงอายุ แต่หลังจากมีมาตรการจากรัฐบาล คนสเปนก็เริ่มตระหนักรู้ หยุดพฤติกรรมเสี่ยงสัมผัสโรค และวัฒนธรรมบางอย่าง เช่น การทักทายโดยใช้แก้มชนกัน แต่ก็ไม่ทันการ เพราะก่อนจะมีมาตรการควบคุม เพียง 1 วัน ในกรุงมาดริดยังมีการชุมนุม และก็ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ขณะนี้รัฐบาลสเปนมีมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายคน ควบคุมสินค้าจำเป็น การแจกจ่ายอาหาร สร้างความมั่นใจในสินค้าอุปโภคบริโภค และขอให้ทุกคนห้ามออกจากกรุงมาดริด เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดไปทั่วประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
WHO ชี้ "ยุโรป" เป็นศูนย์กลางการระบาด COVID-19 แห่งใหม่
คนไทยในอิตาลีปรับการใช้ชีวิต หลังประกาศปิดเมือง
"ทรัมป์" ประกาศภาวะฉุกเฉินทั่วสหรัฐฯ รับมือไวรัสระบาด
"ทรัมป์" สั่งห้ามเดินทางจากยุโรปเข้าสหรัฐฯ 30 วัน ยกเว้นอังกฤษ