ชุมชนกับมาตรการลดความตื่นตระหนก
ผู้นำชุมชน อสม. และจิตอาสา กว่า 160 คน ใน ต.บ้านขาม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น รับฟังแนวทางการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ โควิด-19 โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอธิบายข้อมูล แนวทางการปฏิบัติตัวของคนในชุมชน เพื่อลดความตื่นตระหนก
พื้นที่ตำบลบ้านขาม มีแรงงานที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ทยอยมากักตัวที่บ้านพัก ขณะที่ อสม.พบว่า แรงงานคนหนึ่งเดินทางกลับจากมาเก๊า และได้จัดงานแต่งงานที่บ้านเกิด และไม่ได้เข้าสู่ขั้นตอนการกักตัวจนครบ 14 วัน ขณะนี้เขาเดินทางไปที่ จ.สมุทรสาคร เพื่อเตรียมบินกลับไปทำงานที่มาเก๊า
อสม.ระบุว่า กรณีนี้ทำให้ชุมชนกังวล แต่ได้ทำความเข้าใจ และมีการติดต่อกับแรงงานคนนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อกำชับให้เขาปฏิบัติตัวตามมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อ และหากมีอาการป่วยต้องรีบเข้ารับการรักษา ทันที
พ.จ.อ.ชัยณรงค์ กัณหา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านขาม กล่าวว่า มีการหารือกับชุมชนพิจารณาตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและควบคุมโรคระดับตำบล เพื่อสร้างความเข้าใจลดความหวาดกลัว และเตรียมหาสถานที่กักตัวสำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น ที่วัด หรือกุฏิสงฆ์ที่อยู่ห่างชุมชน สำหรับครอบครัวที่ไม่มีความพร้อมในการจัดบ้านเพื่อกักตัว 14 วัน ซึ่งต้องปรึกษาหารือกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขก่อน
สำหรับ จังหวัดขอนแก่น เป็นหนึ่งใน 43 จังหวัด ที่เตรียมคัดกรองกลุ่มเสี่ยงจำนวน 14 คน ที่เดินทางจากศูนย์สัตหีบฯ มากักตัวที่บ้าน และมีรายงานว่า แรงงานที่ทำงานในประเทศกลุ่มเสี่ยงทยอยเดินทางกลับอย่างต่อเนื่อง
การเตรียมพร้อมรับมือการแพร่ระบาดระยะที่ 3
นอกจากการสร้างความเชื่อมั่นในแนวทางป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในระดับชุมชน การสร้างความเข้าใจและลดความตระหนกของบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือการแพร่ระบาดระยะที่ 3 ก็เป็นเรื่องสำคัญ
ที่โรงพยาบาลขอนแก่น (13 มี.ค.2563) จัดประชุมวิชาการ หัวข้อ ตั้งสติรับมือโควิด-19 หากเราเข้าสู่ระยะที่ 3 จะรับมืออย่างไร โดยมี ผศ.พญ.สายพิณ หัตถีรัตน์ ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นวิทยากร ให้ข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจให้บุคคลากรทางการแพทย์ลดความตื่นตระหนก และเตรียมพร้อมอย่างมีสติ
ผศ.พญ.สายพิณ ระบุว่า การแพร่ระบาดในระยะที่ 3 อาจไม่น่ากลัว หากมีการเตรียมความพร้อมทั้งโรงพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งควรมีมุมมองต่อโรคนี้ในฐานะโรคติดต่อที่ป้องกันได้ ที่สำคัญคือต้องเร่งสร้างความเข้าใจกับทุกคนในสังคม รับผิดชอบในการดูแลและป้องกันตัวเอง
ที่สำคัญบุคลากรทางการแพทย์ต้องเชื่อมั่นในกระบวนการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข และติดตามข้อมูลข่าวสารจากการแถลงของกระทรวงฯ เท่านั้น เพื่อลดความกังวลเกินเหตุ
โรคโควิด-19 ไม่ได้น่ากลัว แต่ประชาชนส่วนหนึ่งไม่เชื่อถือรัฐบาล ทำให้ไม่เชื่อมั่นในทีมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข
ขอให้มองโรคนี้ เหมือนมองภาพซ้อน อย่ามองแค่ในสิ่งที่เราอยากเห็น เพราะโควิด-19 ทำให้เรารู้ว่า เราต้องมีสติ
โรคนี้ทำให้เรารู้ว่าผู้คนไม่เคยเห็นความสำคัญการรักษาโรคหวัด เพราะโรคโควิด-19 ก็คือโรคหวัดที่ทำให้ปอดอักเสบ เราแค่ต้องดูแลป้องกันตัวเองจากโรคหวัด และเป็นโอกาสที่ทำให้ทบทวนเรื่องสุขอนามัย ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่ถูกละเลย
ผศ.พญ.สายพิณ กล่าว
และยังอธิบายให้เห็นผลกระทบของการหวาดวิตก กลัวเชื้อโรคจนเกินกว่าเหตุ นำไปสู่การเหยียดกลุ่มเสี่ยง หรือการล่าแม่มด การรังเกียจของคนในชุมชน ซึ่งผิดหลักการควบคุมโรค และอาจเป็นการกดดันผู้ที่ติดเชื้อ จนนำไปสู่ปัญหา เกิดความแค้น และตั้งใจแพร่เชื้อให้คนจำนวนมาก และเป็น Super Spreader ที่แท้จริง
ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นว่า ในภาวะเกิดโรคระบาด เราเอาตัวรอดคนเดียวไม่ได้ เราจะรอดได้ ก็ต่อเมื่อทุกคนดูแลตัวเอง และดูแลกันละกัน เพราะหากการแพร่ระบาดรุนแรงขึ้น ซึ่งก็มีโอกาส เราต้องพร้อมที่จะดูแลตัวเอง ทุกครอบครัวต้องวางแผนเรื่องการกักตัวที่บ้าน มองว่าเป็นเรื่องปกติ ว่ากักตัวเพื่อไม่ให้คนรอบข้างติดเชื้อจากเรา และดูแลกันด้วยความเข้าใจ
ผศ.พญ.สายพิณ กล่าว