13 วันแล้ว ที่ "ชไมพร เดชยศดี" ใช้ชีวิตใต้เพิงพักมุงสังกะสีเพียงลำพัง ภายในพื้นที่สวนขนาดย่อมของครอบครัวใน จ.สระบุรี เพื่อหลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้คนภายนอก ทุกคืน พ่อของเธอจะกางมุ้งนอนในรถ คอยเฝ้าดูลูกสาวห่างๆ จากหน้าประตูสวน ส่วนอาหารสด และสำเร็จรูป รวมทั้งน้ำดื่มและของใช้จำเป็น แม่จะนำมาแขวนหรือวางไว้ให้ทุกวัน โดยที่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดกัน
อาหารพื้นบ้านที่สร้างสรรค์เมนูไม่ซ้ำในแต่ละวัน คือกิจกรรมหลักของชไมพร ตลอดช่วงกักตัวและได้บันทึกภาพไว้ เช่นเดียวกับงานปลูกผัก ดูแลสวน และเลี้ยงไก่ในยามว่าง พอให้ช่วยคลายเหงาและลดความตึงเครียดลงได้บ้าง
การสื่อสารผ่านวิดีโอคอล เป็นวิธีเดียวที่พ่อแม่ได้ไถ่ถามทุกข์สุข และคลายความคิดถึงลูกสาว หลังเดินทางไปทำงานอย่างถูกกฎหมายที่เกาหลีใต้ นานถึง 4 ปี 7 เดือน และต้องกักตัวอีก 14 วัน หลังตัดสินใจกลับบ้าน แม้เป็นช่วงที่ลำบากใจ แต่ทุกคนในครอบครัวก็ยินดีทำ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
ตลอด 13 วัน ที่ชไมยพร กักตัวเฝ้าสังเกตอาการ ยังไม่พบไข้ แต่เธอตั้งใจจะกักตัวเองต่อให้ครบ 15 วัน และตรวจร่างกายซ้ำที่โรงพยาบาล เพื่อให้ครอบครัวและคนในชุมชนมั่นใจ ว่าเธอปลอดจากไวรัส COVID-19
หากการแสดงความรับผิดชอบของคนที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยง ยังต้องอาศัยความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับวิธีป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด โดยไม่ทำให้คนที่ "กักตัว" ถูกตีตราจากสังคม ร่วมด้วย