วันนี้ (12 มี.ค.2563) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์ COVID-19 ระบุว่า ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 11 คน ในกลุ่มสังสรรค์ทั้งหมด 15 คน เบื้องต้นพบว่าหนึ่งคนในกลุ่มสังสรรค์เป็นชาวฮ่องกง ซึ่งมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงของการระบาด แต่ผู้ติดเชื้อทั้ง 11 คนเป็นคนไทย ขณะที่ชาวฮ่องกงได้เดินทางกลับประเทศแล้ว
กระทรวงสาธารณสุข ได้รับรายงานผู้ป่วยจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ให้ประวัติว่า เมื่อวันที่ 21 ก.พ.2563 ได้พบปะกลุ่มเพื่อนนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงที่มาเที่ยวเมืองไทย หลังจากนั้น 4 วันเริ่มป่วยด้วยอาการไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ไอ ในขณะที่มีอาการป่วยอยู่นั้นได้นัดสังสรรค์กับเพื่อนสนิทอีก 2 ครั้ง ในวันที่ 27 และ 29 ก.พ. โดยมีพฤติกรรมดื่มสุราแก้วเดียวกัน สูบบุหรี่มวนเดียวกันหลังจากนั้นวันที่ 4 มี.ค. ผู้ร่วมสังสรรค์เริ่มทยอยป่วย 7 คนเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยตรวจพบการติดเชื้อ 11 คนจากทั้งหมด 15 คน เป็นชาย 5 คน หญิง 6 คน ช่วงอายุ 25-38 ปี
ถือเป็นครั้งแรกในการเจอผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อน ซึ่งพฤติกรรมที่ทำให้เกิดการติดต่อของคนกลุ่มนี้คือ การดื่มเหล้าแก้วเดียวกัน สูบบุหรี่มวนเดียวกัน และอยู่ด้วยกันเป็นเวลานานในที่แคบ
ส่วนคนที่เหลือ 4 คนไม่ป่วยและไม่ติดเชื้อ เนื่องจากไม่ได้ดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ร่วมกับกลุ่มเพื่อน สธ.ได้ติดตามครอบครัวและเพื่อนที่ไม่ได้ร่วมกลุ่มสังสรรค์เบื้องต้น 70 คน ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการครั้งแรกไม่พบเชื้อ จึงไม่พบหลักฐานว่าเกิดซูเปอร์สเปรดเดอร์ เนื่องจากเป็นการติดเชื้อในกลุ่มเพื่อนสนิทที่ร่วมวงสังสรรค์ ยังไม่ออกนอกกลุ่ม
ปลัด สธ. ยังระบุอีกว่า การพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อนครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญ เพราะหากป่วยแล้วไม่กักตัว จะส่งผลกระทบต่อคนใกล้ชิดและครอบครัว ทำให้เสี่ยงติดเชื้อ รวมถึงการไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่นในช่วงที่มีโรคระบาดเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของผู้อื่นและสังคม ซึ่งจะช่วยป้องกันและชะลอการเข้าสู่ระยะ 3 ของการแพร่ระบาดได้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไทยยังอยู่ในระยะ 2 ของการระบาด
ก่อนหน้านี้เคยขอความร่วมมือชาวต่างชาติที่เดินทางมาจาก 4 ประเทศเสี่ยงคือ จีน อิตาลี เกาหลี อิหร่าน และอีก 2 เขตปกครองพิเศษคือ ฮ่องกง มาเก๊า ก่อนมาต้องมีใบรังรองแพทย์มาด้วย หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายไทยจะมีความผิด
ส่วนมาตรการดูแลคนที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ให้กักตัวที่บ้าน 14 วัน โดยมีการตั้งเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สธ. และ อสม. ดูแลแบบเข้มข้นถึงบ้าน