วันนี้ (4 มี.ค.2563) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) โดยระบุว่า วันนี้มีการประชุมโดยรัฐบาล ได้จัดตั้งศูนย์บริหารงานเรื่องโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ขึ้นมาอีกศูนย์หนึ่ง นอกเหนือจากกระทรวงสาธารณสุข สถานการณ์ประเทศไทยขณะนี้ มียอดผู้ติดเชื้อสะสมเท่าเดิม ซึ่งนับเป็นประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่อันดับ 17 ของโลก นับว่าเป็นประเทศที่อยู่ลำดับท้ายๆ
ภาพ : รัฐบาลไทย
ส่วนกรณีคนไทยที่เดินทางกลับมาจากเกาหลีใต้นั้น มีทั้งแรงงานที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย แต่อย่างไรก็เป็นคนไทย รัฐบาลจึงต้องดูแล โดยประสานกระทรวงคมนาคม กรมการท่าอากาศยาน และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเตรียมมาตรการรองรับ
พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้มั่นใจในกระบวนการคัดกรอง เนื่องจากมีการคัดกรองตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งทุกสายการบินต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากมีผู้เดินทางมีไข้ก็ไม่ให้ขึ้นเครื่อง หรือหากขึ้นเครื่องไปแล้วพบว่ามีไข้ก็จะมีการจัดให้นั่งแยกโซน มีการแยกห้องน้ำพิเศษ และแจกหน้ากากอนามัยให้สวมใส่ เมื่อถึงสนามบินแล้วจะมีการตรวจคัดกรองโดยใช้กล้อง 3 ระดับ ตามช่องทางเดิน โดยหากมาจากเมืองที่มีการแพร่ระบาดมากที่สุดจะเข้าในช่องทางคัดกรองที่จัดไว้ให้เป็นพิเศษ เมื่อผ่านการคัดกรองแล้วพบว่ามีไข้ จะนำไปเข้าสู่พื้นที่ควบคุมโรค ซึ่งเป็นพื้นที่รัฐ ซึ่งจะดำเนินการทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ภาพ : รัฐบาลไทย
เรื่องผีน้อย หรือคนเข้าเมืองผิดกฎหมายจะกลับไทย หลายคนกังวลเรื่องกักตัวที่บ้าน วันนี้มีมาตรการที่ชัดเจน ทุกคนที่มาจากแทกู และคยองซัง ต้องถูกควบคุม 14 วัน แต่ไม่มีการควบคุมที่บ้าน ต้องอยู่ในพื้นที่รัฐ เพื่อลดการแพร่กระจาย
เมื่อคัดกรองตั้งแต่ต้นทางจะมีข้อมูลอยู่แล้ว ว่าบุคคลนี้ทำงานที่ไหน เดินทางมาจากไหน และจะกลับภูมิลำเนาที่ไหน เมื่อผ่านเข้ามาก็ต้องมีมาตรการที่รัดกุม สำหรับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 มากที่สุดในเกาหลีใตเ คือ แทกู และคยองซัง หากเข้ามาแล้วจะถูกควบคุมโรคเป็นเวลา 14 วัน โดยหาพื้นที่ควบคุมเพิ่มเติมในภูมิลำเนา มีแพทย์เข้าไปดูแล พร้อมด้วยชุดแพทย์เคลื่อนที่ดูแลเสริม และมีการรายงานตัวโดยใช้แอปพลิเคชันด้วย
ส่วนกรณีหน้ากากอนามัย นายกรัฐมนตรีได้จัดตั้งชุดติดตามขายหน้ากากอนามัย จากโรงงานสู่ผู้แทน และร้านจำหน่าย เพื่อตรวจสอบสินค้าว่าทำไมถึงขาดแคลน หรือมีจำนวนน้อย สรุปว่ากำลังการผลิตหน้ากากอนามัยแต่ละวันอยู่ที่วันละกว่า 1 ล้านชิ้น โดยแบ่งส่งให้กระทรวงสาธารณสุขเพื่อส่งต่อให้บุคลากรทางการแพทย์ และได้แบ่งให้ร้านค้าขององค์การเภสัชกร รวมแล้วกว่า 3 แสนชิ้น
อีกกว่า 7 แสนชิ้นกำลังหา ต้องหาให้เจอว่าหายไปไหน กักตุนหรือไม่ เตรียมส่งไปขายต่างประเทศหรือไม่ เพราะตอนนี้ราคากำลังสูง
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการให้ความสำคัญกับสุขภาพของประชาชน และต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ผลิตด้วย เพราะต้นทุนก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน แต่เดิมโรงงานพวกนี้เกิดขึ้นน้อย แต่ตอนนี้มีการดูขยายโรงงาน และดูเรื่องวัตถุดิบเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบจากต่างประเทศ อาจต้องมองหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่อไป
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องดูสถานการณ์การแพร่ระบาดอีกครั้ง หากสถานการณ์รุนแรงมากกว่านี้ก็อาจต้องมีกฎหมายมาบังคับใช้เพิ่มเติมหรือไม่ แต่ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังคงใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่ออันตราย 2558 บังคับควบคุมอยู่ ก็ขอให้ประชาชนร่วมช่วยกันแก้ไขปัญหาเร่งด่วนก่อน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
คมนาคมสั่งรับมือคนไทยกลับจากเกาหลีใต้ ส่งถึงภูมิลำเนา
ล่ามไทยในเกาหลีใต้แจงคนไทยขอกลับบ้าน
สั่ง ทอท.-สนามบินภูมิภาค ตรวจเข้มรับคนไทยกลับจากเกาหลี