วันนี้ (8 ก.พ.2563) สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สิงคโปร์ยกระดับการแจ้งเตือนภัยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นสีส้ม หลังมีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งเดินทางกลับมาจากประเทศจีน ทำให้ประชาชนเริ่มออกไปร้านค้าเพื่อซื้ออาหารและสิ่งของจำเป็นจำนวนมากในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
ขณะนี้สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาแล้วจำนวน 33 คน ส่งผลให้เกิดการประกาศยกระดับการแจ้งเตือนภัยเป็นสีส้ม ซึ่งเทียบเท่ากับการแจ้งเตือนภัย เมื่อปี 2003 ในช่วงที่มีการระบาดของโรคซาร์ส และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งบ่งชี้ว่าไวรัสนั้นมีความรุนแรงและติดต่อผ่านคนสู่คนได้โดยง่าย
ประสบการณ์จากการระบาดของโรคซาร์สและไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 กลายเป็นความทรงจำที่ทำให้ผู้คนในสิงคโปร์หลายร้อยคนเริ่มกว้านซื้อสิ่งของจำเป็น ตั้งแต่กระดาษชำระ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และข้าวในห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อทั่วสิงคโปร์ จนชั้นวางว่างเปล่า
เตือนประชาชนอย่าตื่นตระหนกมากเกินไป
ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สิงคโปร์ ระบุว่า เข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เนื่องจากประชาชนมีความกังวัลเพิ่มมากขึ้น หลังรัฐบาลประกาศยกระดับการแจ้งเตือนภัยเป็นสีส้ม แต่อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่ควรกักตุนสิ่งของจำเป็น และรู้สึกตื่นตระหนกมากจนเกินไป เพราะไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ดีขึ้น
ระดับการเตือนภัยสูงสุดของสิงคโปร์ คือสีแดง ซึ่งบ่งชี้ว่าไวรัสกำลังแพร่กระจายอย่างกว้างขวาง และอาจส่งผลให้ประเทศหยุดชะงัก โดยอาจเริ่มจากการประกาศปิดโรงเรียน
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ได้เพิ่มการประเมินความเสี่ยงของการติดเชื้อ โดยเฉพาะกรณีการติดเชื้อของคนที่มีประวัติเดินทางกลับจากประเทศจีน
Queues in supermarkets this morning. I don’t think it is justified knowing that not much changed since yesterday’s Orange alert level. Hope it doesn’t get out of control like HK #singapore #coronavirussingapore pic.twitter.com/oefmLeWtpn
— Eurasianomics (@eurasianomics) February 8, 2020