วันนี้ (3 ก.พ.2563) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) กล่าวว่า ที่ประชุม กกร.มีมติเห็นชอบการกำหนดสินค้าควบคุม พ.ศ.2562 เพิ่มเติม คือ 1.หน้ากากอนามัย 2.เส้นใยโพลีโพรพิลีน(สปันบอนด์) เพื่อใช้ในการผลิตหน้ากากอนามัย 3.ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพื่อสุขอนามัยสำหรับมือ โดยอาศัยอำนาจทางกฎหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 การกำหนดมาตรการบริหารจัดการสินค้าควบคุมพ.ศ.2562 (เพิ่มเติม) โดยจะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันพรุ่งนี้ (4 ก.พ.) ซึ่งหาก ครม.เห็นชอบจะทำให้สินค้าควบคุมตามกฏหมายเพิ่มขึ้นเป็น 54 รายการ จาก 52 รายการเดิม
ถ้า ครม.เห็นชอบจะควบคุมทั้งเรื่องปริมาณ ราคา โดยกรมการค้าภายในสามารถกำหนดให้ผู้ผลิต ผู้แทนจำหน่าย ผู้นำเข้า-ส่งออก ต้องแจ้งข้อมูลเรื่องของต้นทุนราคาซื้อราคาขาย ปริมาณการผลิต เช็กสต๊อกได้ทันที
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ของไวรัสโคโรนา เฉพาะในส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะแก้ปัญหาสินค้าต่างๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ให้มีปริมาณเพียงพอกับความต้องการและราคาที่เป็นธรรมกับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ภาวะปกติมีการใช้หน้ากากอนามัยภายในประเทศอยู่ที่เดือนละ 30 ล้านชิ้น แต่ช่วงนี้อาจจะเพิ่มเป็น 40-50 ล้านชิ้น จึงต้องประสานงานเร่งให้มีการผลิตเพิ่มขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง พาณิชย์ยืนยัน "หน้ากากอนามัย" มีเพียงพอความต้องการ
คุมเข้มห้ามนำออกเกิน 500 ชิ้น-สกัดนักหิ้ว
นอกจากนี้จะต้องกำหนดให้การส่งออกอาจจะต้องมาขออนุญาตจากกรมการค้าภายใน เบื้องต้น กกร.กำหนดว่าหากจะต้องนำออกไปนอกราชอาณาจักรเกินกว่า 500 ชิ้นขึ้นไป จะต้องขออนุญาตเคลื่อนย้ายจากกรมการค้าภายใน ซึ่งกรมการค้าภายในจะพิจารณาให้เสร็จ ซึ่งมาตรการที่ออกมาหลังจาก ครม.เห็นชอบแล้วจะเป็นมาตรการระยะสั้น ใช้เท่าที่จำเป็น เมื่อเข้าสู่ภาวะปกติแล้วก็จะยกเลิก
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ผู้ค้าปลีกให้ความร่วมมือนำสินค้าทั้ง 2 รายการมาวางจำหน่ายและกระจายในพื้นที่ขาดแคลนสินค้า ขณะเดียวกันยังเตรียมจำกัดให้การขนส่งหน้ากากอนามัย 500 ชิ้น หรือ 10 กล่องขึ้นไป ต้องขออนุญาตเคลื่อนย้ายและอาจจะจำกัดการซื้อครั้งหนึ่งว่าซื้อได้ไม่เกินกี่ชิ้น จะทำให้การหิ้วนอกประเทศยากขึ้น โดยจะประสานกับกรมศุลกากรช่วยจำกัดการส่งออกให้ได้ผลมากขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
กรมศุลกากรชี้แจงนำเข้า “หน้ากากอนามัย” ไม่เสียภาษี
รฟม.แจกหน้ากากอนามัยป้องกันไวรัสโคโรนา
รู้ยัง! หน้ากากแบบไหนป้องกันไวรัสโคโรนาได้?