วันนี้ (30 ม.ค.2563) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกร์มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุว่า ปอดบวมอู่ฮั่น โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ การเตรียมพร้อม ในการลดความสูญเสีย เมื่อมีการระบาดของโรค
ตามรูปของกราฟโดยธรรมชาติ การระบาดของโรค เมื่อมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก จนมีภูมิต้านทานกลุ่มเกิดขึ้นมากพอ โรคก็จะหยุดระบาดถ้าปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ โดยไม่ได้ทำอะไรเลย การระบาดของโรคจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตามภาพจำลองเส้นกราฟสีแดง ถ้าไม่ทำอะไรเลย การระบาดจะมีผู้ป่วยจำนวนมาก อาจใช้เวลาประมาณ 6 เดือน เมื่อมีผู้ป่วยติดเชื้อ และมีภูมิต้านทานเกิดขึ้น เป็นจำนวนมาก โรคก็จะหยุดเอง
ภาพ : เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan
ปัญหาจึงอยู่ว่าเมื่อมีผู้ป่วยจำนวนมาก จะเกินความสามารถที่บุคลากรทางการแพทย์และระบบสาธารสุขจะรองรับได้ การดูแลจะไม่ทั่วถึง ไม่มีเตียงรับผู้ป่วย เกิดโกลาหลวุ่นวาย และยังความสูญเสียจำนวนมาก
แต่ถ้าเรามีมาตรการในการดูแล ควบคุม พยายามหยุดยั้งการระบาดของโรค ด้วยมาตรการระดับหนึ่งประชาชนทุกคนช่วยกัน ให้การระบาดของโรคลดลง และระยะเวลาจะยาวนานขึ้น เป็นแบบเส้นสีขาว แต่ในบางครั้งหรือบางระยะ เวลาการสาธารณสุขจะไม่สามารถรองรับได้ เป็นครั้งคราว
แนะงัดทุกมาตรการสกัดการระบาดโรค
สิ่งที่เราอยากให้เห็นและให้เป็น คือแบบเส้นสีเหลือง ในการใช้มาตรการทุกสิ่งอย่าง เข้มงวด จริงจัง ที่ขัดขวางการระบาดของโรค ให้มีจำนวนผู้ติดโรคน้อยที่สุด การระบาดของโรค จะยาวนานขึ้น จนกว่าจะเกิดภูมิคุ้มกันกลุ่ม อาจจะมากกว่า 1 ปี
แต่มาตรการการดูแลผู้ป่วย และระบบสาธารณสุขจะทำได้ดีขึ้นการสูญเสียจะน้อยที่สุด เป็นการกระจายผู้ป่วยให้เกิดขึ้นทีละน้อย จนกว่าจะได้ภูมิคุ้มกันกลุ่มมากเพียงพอ หรือมีวัคซีนมาช่วยเสริมภูมิต้านทานกลุ่มให้เร็วขึ้น โรคก็จะหยุดระบาด และกลายเป็นโรคประจำถิ่น
เรามาช่วยกันใช้มาตรการทุกอย่างในการป้องกัน ไม่ให้เกิดการระบาดใหญ่อย่างรวดเร็ว แบบในเมืองอู่ฮั่นที่ตั้งตัวไม่ทัน ถึงต้องสร้างโรงพยาบาลสนาม เพื่อให้ระบบการสาธารณสุขของเรารองรับได้ และไม่อยากเห็นผู้ป่วยเป็นจำนวนมากเกิดขึ้น พร้อมกันนอกจากทางราชการหรือผู้เกี่ยวข้องทำงานอย่างหนักกันแล้วเราทุกคนจะต้องช่วยกันดูแลป้องกัน ดูแลตนเองด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
WHO ประชุมฉุกเฉินรอบใหม่ ประเมินสถานการณ์ไวรัสโคโรนา
18 วัน ผู้ติดเชื้อ "โคโรนา" ทั่วโลกพุ่งจาก 41 เป็น 4,581 คน