วันนี้ (29 ม.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความกังวลเรื่องการระบาดของไวรัสโคโรนา ประกอบกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ทำให้หน้ากากอนามัยขายดีจนอาจทำให้สินค้าขาดตลาดนั้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงจำนวนสต๊อกหน้ากากอนามัยในประเทศไทย ว่า ขณะนี้ยังมีหน้ากากอนามัยเพียงพอ โดยได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากหน้ากากอนามัยเป็นวัสดุทางการแพทย์ที่มีความจำเป็นจะต้องใช้ในช่วงที่มีปัญหาเรื่องเชื้อไวรัสโคโรนา และช่วงที่มีปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก
จากข้อมูลเบื้องต้น พบว่าประเทศไทยมีการผลิตหน้ากากอนามัยโดยเฉลี่ยเดือนละ 30 ล้านชิ้น ซึ่งกรมการค้าภายในจะเชิญผู้ผลิตหน้ากากอนามัยในประเทศไทยมาหารือที่กระทรวงพาณิชย์ในวันนี้ (29 ม.ค.) เพื่อดูแลเรื่องจำนวนการผลิตหน้ากากอนามัยให้มีเพียงพอกับความต้องการของประชาชนในประเทศ พร้อมกับป้องกันการกักตุน รวมถึงดูแลราคาหน้ากากอนามัยให้อยู่ในอัตราที่สมเหตุสมผล ไม่มีการโก่งราคาในภาวะที่จำเป็นต้องการใช้หน้ากากอนามัยมากเป็นพิเศษ
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับการค้าขายกับประเทศจีน หลังจากที่ได้มอบหมายให้สำนักงานพาณิชย์ในจีนที่มี 7 แห่ง ประชุมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและผู้ที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลจีน ซึ่งประเมินสถานการณ์ทั้งหมดพบว่าขณะนี้บางเมืองในจีนเริ่มมีความต้องการที่จะนำเข้าหน้ากากอนามัย และถุงมือยางพาราจากประเทศไทยเพิ่มขึ้น เช่น นครเฉิงตู เมืองเซี่ยเหมิน
ทั้งนี้ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในไปตรวจดูจำนวนการผลิตสินค้าทั้ง 2 ชนิดนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีเพียงพอกับตลาดในและต่างประเทศ ซึ่งไทยพร้อมส่งออกสินค้าดังกล่าวไปให้จีน แต่ต้องคำนึงถึงความต้องการและความจำเป็นในประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ยังไม่จำเป็นต้องกำหนดให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม