วันนี้ (7 พ.ย.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยเอกสารแนบท้ายสัญญาร่วมลงทุนหมายเลข 3 (อัตราค่าโดยสาร ของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา) ซึ่งมีการเซ็นสัญญาระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัทรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด หรือกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร (กลุ่มCPH) ซึ่งมี 9 สถานี ได้แก่ ดอนเมือง บางซื่อ มักกะสัน สุวรรณภูมิ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ศรีราชา พัทยา และอู่ตะเภา ระยะเวลาโครงการ 50 ปี (งานระยะที่ 1 ช่วงออกแบบก่อสร้าง 5 ปี และงานระยะที่ 2 ช่วงการให้บริการเดินรถและงานซ่อมบำรุงรักษา 45 ปี)
สำหรับรายละเอียดค่าโดยสารรถไฟความเร็วสูง อัตราค่าโดยสารเริ่มตั้งแต่ 115-490 บาท, แอร์พอร์ต เรลลิงก์ อัตราค่าโดยสารเริ่มตั้งแต่ 15-45 บาท และแอร์พอร์ต เรลลิงก์ ส่วนต่อขยาย อัตราค่าโดยสารเริ่มตั้งแต่ 44-97 บาท ซึ่งเอกชนคู่สัญญาสามารถปรับอัตราค่าโดยสารได้ทุก 36 เดือน โดยการปรับอัตราค่าโดยสารครั้งที่ 1 จะเริ่มต้นเมื่อครบระยะเวลา 8 ปี นับจากวันที่ รฟท.ออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงานในส่วนของการพัฒนาโครงการเกี่ยวกับรถไฟ (ไม่รวมแอร์พอร์ต เรลลิงก์)
ขณะเดียวกัน เอกชนคู่สัญญาตกลงว่าจะไม่เรียกเก็บค่าโดยสารในส่วนของค่าแรกเข้าระบบ หากผู้ใช้บริการเปลี่ยนถ่ายจากรถไฟสายอื่นที่ใช้ระบบรถไฟเดียวกันกับรถไฟความเร็วสูง หรือแอร์พอร์ต เรลลิงก์ หรือแอร์พอร์ต เรลลิงก์ ส่วนต่อขยาย แล้วแต่กรณี โดยระบบที่ผู้ใช้บริการขึ้นก่อนเป็นผู้ได้รับค่าแรกเข้า ตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงคมนาคม ทั้งนี้ อัตราค่าแรกเข้าจะเป็นอัตราที่ รฟท. และเอกชนคู่สัญญาจะตกลงร่วมกัน
ทั้งนี้ ในเอกสารแนบท้ายสัญญาร่วมลงทุนระบุกรณีที่รัฐบาลหรือ รฟท.มีความประสงค์จะลดหรือยกเว้นค่าโดยสาร ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่งของระยะเวลาโครงการฯ เมื่อ รฟท.แจ้งความประสงค์มายังเอกชนคู่สัญญา คู่สัญญาจะมาตกลงกันเกี่ยวกับแนวทางการลด หรือยกเว้นค่าโดยสาร เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล หรือ รฟท.นั้น รวมถึงแนวทางการเยียวยาผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของเอกชนคู่สัญญาที่เกิดขึ้นจากการลดหรือยกเว้นค่าโดยสารดังกล่าว
นอกจากนี้ ในกรณีที่เอกชนคู่สัญญาประสงค์จะเรียกเก็บค่าโดยสารในอัตราพิเศษที่สูงกว่าอัตราค่าโดยสารปกติ สำหรับที่นั่งผู้โดยสารชั้นหนึ่ง (First Class) และ/หรือผู้โดยสารชั้นธุรกิจ (Business Class) เอกชนคู่สัญญาจะดำเนินการได้โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าสัดส่วนของจำนวนที่นั่งทั้งหมดของผู้โดยสารชั้นหนึ่ง และ/หรือผู้โดยสารชั้นธุรกิจรวมกันแล้วต้องไม่เกินกว่าร้อยละ 26 ของจำนวนที่นั่งของผู้โดยสารทั้งหมดในแต่ละขบวนรถไฟที่วิ่งให้บริการแก่ผู้ใช้บริการในแต่ละรอบ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“รฟท.-ซีพี” ลงนามไฮสปีด 3 สนามบิน
กลุ่มซีพี พร้อมลงนามไฮสปีดเทรน เชื่อม 3 สนามบิน
เลื่อนลงนามไฮสปีด 3 สนามบิน 24 ต.ค.นี้