วันนี้ (13 ส.ค.2562) นางแคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง เปิดเผยว่า การใช้ความรุนแรงในการประท้วงจะทำให้ฮ่องกงต้องเผชิญกับสถานการณ์อันตรายและน่าเป็นห่วง โดยไม่มีวันย้อนกลับมาเหมือนเดิมได้อีกต่อไป
นอกจากนี้ยังระบุว่า ตำรวจฮ่องกงปฏิบัติตามแนวทางในการรับมือกับกลุ่มผู้ประท้วง หลังจากเจ้าหน้าที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุจนทำให้มีผู้บาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 45 คน
แคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 10 ส.ค.2562 ที่ผ่านมา กองกำลังตำรวจติดอาวุธเคลื่อนย้ายรถหุ้มเกราะลำเลียงพลและรถบรรทุกไปจอดไว้ที่สนามกีฬาในนครเซินเจิ้นใกล้กับฮ่องกง จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์บนสื่อสังคมออนไลน์
รถหุ้มเกราะของกองกำลังตำรวจติดอาวุธจีนในนครเซินเจิ้น
หนังสือพิมพ์ Global Times ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระบุว่า ความเคลื่อนไหวของกองกำลังตำรวจติดอาวุธในครั้งนี้ เป็นเพียงการเตรียมความพร้อมสำหรับการฝึกซ้อมครั้งใหญ่
นอกจากนี้ยังระบุว่า กฎหมายจีนกำหนดให้กองกำลังตำรวจติดอาวุธมีภารกิจรับมือการจลาจล การโจมตีของผู้ก่อการร้าย การใช้ความรุนแรง และเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของคนในสังคม
ขณะที่ นายอาร์ม ตั้งนิรันดร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า การใช้กำลังปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกงซ้ำรอยเหตุการณ์เทียนอันเหมิน เมื่อปี 2532 ยังมีความเป็นไปได้ยาก
ถ้ารัฐบาลจีนสามารถแสดงท่าทีเป็นผู้ใหญ่เจรจากับผู้ชุมนุมและสนองข้อเรียกร้องจะได้ใจกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุม จีนพยายามแสดงสัญญาณในเชิงขู่ให้กลัวเพื่อสร้างอำนาจต่อรองในการเจรจาต่อไป
ก่อนหน้านี้ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง ระบุว่า ความไม่สงบตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา อาจทำให้ฮ่องกงเผชิญภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยตรง