วันนี้ (25 ก.ค.) เวลา 23.10 น. น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายว่า นโยบายต่างประเทศสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลรับทราบว่า การเข้ามารับตำแหน่งใหม่ ไทยต้องรับมือความผันผวนของสภาวะเศรษฐกิจการเมืองโลก ซึ่งไทยต้องมีชัดเจนว่า ไทยซึ่งเป็นประธานอาเซียนจะต้องมีบทบาทนำในเวทีระหว่างประเทศ
ประทับใจที่ท่านบอกว่า จะมีการทูตเชิงรุก เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนในไทย แต่ปัญหาคือเป้าหมายและหลักการทั้งหมด โดยเฉพาะการสร้างบทบาทนำของไทยในเวทีโลก ยังมองไม่เห็นเป็นเชิงรูปธรรม เพราะนายกฯ รมว.ต่างประเทศ ยังเป็นคนเดิม
บทบาทนำต่างประเทศนั้นต้องทราบว่า โลกคุยอะไรกัน หรือวิสัยทัศน์ และการเข้าใจประเด็นต่างๆ ที่นานาประเทศพูดคุยและสร้างความร่วมมือ การแถลงนโยบายมีทั้งเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน การพัฒนาโดยรักษาสิ่งแวดล้อม นวัตกรรม เทคโนโลยีต่าง ๆ
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ดิฉันพอใจที่ยกเรื่องการเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 เป็นหนึ่งใน 12 เรื่องเร่งด่วน แต่ปัญหาคืออยากให้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพูดในเวทีต่าง ๆ ระดับโลก จะมีวิสัยทัศน์อย่างไรบ้าง เช่น การรับมือกับ AI และคน 800 ล้านคน จะตกงานในอีก 12 ปีข้างหน้า เนื่องจาก AI มาแทนที่ ซึ่งจะมีแนวทางรับมืออย่างไร ทั้งค่าแรงที่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ ไม่ใช่ค่าแรงขั้นต่ำ
จะพูดคุยกับนานาชาติในประเด็นความพยายามคลี่คลายจากผูกขาดทุนใหญ่ระดับโลก โดยไม่ขัดขวางการพัฒนานวัตกรรมจากบริษัทยักษ์ใหญ่
รวมทั้งปัญหาผู้อพยพลี้ภัยที่กำลังรับมือโรฮิงญา แต่ไทยยังไม่ได้เป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญาว่าด้วยสถานะภาพผู้ลี้ภัย ทำให้กฎหมายไทยไม่ได้รองรับสถานะผู้ลี้ภัย เสี่ยงถูกจับกุมและเนรเทศออกนอกประเทศ
ท่านจะอยู่ในยูเอ็น สหประชาชาติอย่างไร หากพูดว่า เราพูดเรื่องสิทธิมนุษยชนมากเกินไป ซึ่งการเป็นผู้นำในเวทีโลกเรื่องนี้ถือว่ามีความสำคัญ
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ฮิวแมน ไรท์ วอช ระบุว่า นโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีเนื้อหาแก้ปัญหาร้ายแรงที่เคยเกิดขึ้นระหว่างการปกครองของทหารอย่างกดขี่ ตั้งแต่รัฐประหารปี 2557 ความหวังว่ารัฐบาลใหม่จะปฏิรูปสิทธิมนุษยชนและความก้าวหน้าประชาธิปไตยถดถอยเพราะไม่มีการแถลงที่ชัดเจน
เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านเห็นสิทธิมนุษยชนเป็นเพียงเครื่องประดับตกแต่งในการสร้างความยอมรับ เมื่อเห็นว่าได้รับความชอบธรรมแล้วจากการเลือกตั้งแล้ว ก็ไม่เห็นความสำคัญอีกต่อไป