วันนี้ (25 ก.ค.) เวลาประมาณ 14.00 น. นายสันติ กีระนันทน์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นอภิปรายเป็นคนแรกของฝ่ายรัฐบาล ระบุว่า เศรษฐกิจมหาภาค การเงินและการคลัง เป็นการทำงานที่ต่อเนื่องจากรัฐบาลที่แล้ว นำไปสู่สังคมไร้เงินสด เพราะต้นทุนการใช้เงินสด มีการใช้งบประมาณปีละ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถนำเงินส่วนนี้มาพัฒนาประเทศได้
การสร้างความเข้มแข็งให้ประชาชน ผู้มีรายได้น้อยมีความยากลำบากในชีวิต เพราะบริหารการเงินไม่เป็น เป็นหน้าที่ของรัฐบาล และ ส.ส. ที่จะทำให้ประชาชนพ้นความยากลำบาก
ส่วนเอสเอ็มอีนั้นจะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้วยต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การปฏิรูประบบการออม มีคำพูดว่า "เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ" ประเทศอื่นเขารวยก่อนแก่ แต่ของเราแก่ก่อนรวย เพราะระบบการออมในอดีตนับ 10 ปี ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เพิ่งจะมีรัฐบาลชุดนี้ที่นึกถึงการสร้างระบบการออมที่มีประสิทธิภาพ ยึดโยงระบบตลาดเงินและตลาดทุน โดยจะนำเครื่องมือใหม่ ๆ มาใช้สร้างประโยชน์ให้กับผู้ต้องการระดมเงินทุน และเป็นเครื่องมือออมที่มีประสิทธิภาพให้ผู้บริโภค
การพูดถึงรัฐมนตรีบางท่าน เป็นการติเรือทั้งโกลน ทั้งที่ยังไม่ได้ทำหน้าที่ก็แสดงความไม่พอใจเสียแล้ว โดยที่บางเรื่อง บางประกาศ ที่ได้พาดพิงนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย โดย ส.ส.บางท่านลุกขึ้นมาพูดแล้วว่าคดีสิ้นสุด โดยที่ไม่ได้สิ้นสุดที่การตรวจสอบเพียงครั้งเดียวแต่เป็นหลากหลายครั้ง และไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมให้ตัวเลขคนที่เกี่ยวข้องที่ติดคุกแล้ว 25 คน สำนวนคำฟ้องที่พบว่ามี 1 คน ยังหนี้คดีอยู่ในต่างประเทศและยังไม่ได้รับโทษ