วัดฝีมือ "ครม.เศรษฐกิจ" ใหม่

เศรษฐกิจไทย ยังไงก็ล้อตามเศรษฐกิจโลก

โลกซบเซา ไทยซบเซาด้วย นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ ทีดีอาร์ไอ อธิบายว่า ตอนนี้โลกขาดปัจจัยหนุนให้เศรษฐกิจเติบโต เช่น อาลีบาบาขายดี ไอโฟนซื้อถล่มทลาย ตอนนี้โลกโตแบบชะลอลง เห็นได้จาก

• ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด พิจารณาว่าจะลดดอกเบี้ยหรือไม่
• สหภาพยุโรป เตรียมใช้คิวอีกู้เศรษฐกิจอีกครั้ง
• จีน บอกว่าลดดอกเบี้ยล่วงหน้าไปแล้ว

แม้แต่ไทยเองก็มีข่าวกดดันให้ลดดอกเบี้ยเช่นกัน

เห็นบาทแข็ง เงินเฟ้อไม่สูง ทำไมบอกเศรษฐกิจไม่ดี

ไทยบาทแข็งเพราะนักลงทุนต่างประเทศ พอผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีต่ำ ก็พยายามเสาะหาแหล่งทุนอื่น ที่ผลตอบแทนดีกว่า เงินเลยไหลเข้าไทย เป็นเงินมาเอากำไรชั่วคราวแต่ไม่ใช้เงินลงทุนที่ทำให้เศรษฐกิจไทยงอกเงย ถ้าอย่างนั้นไทยควรหาอะไรดี ที่จะเป็นตัวกระตุ้นสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจไทยให้แข็งแรง และถ้าไม่ทำจะเกิดปัญหา 1-2 ปีนี้

 

อย่างแรกที่ควรทำ คือสานต่ออีอีซี ไม่ได้เข้าข้าง คสช. ที่บอกเป็นตัวนี้ เพราะทำให้เกิดการลงทุนธุรกิจใหม่ คล้ายกับอีสเทิร์นซีบอร์ดเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ปัญหาคือ รัฐมนตรีใหม่จะออกแรงผลักดันเหมือนเดิมหรือไม่

 

การเชื่อมโยง...ตั้งแต่สมัย คุณชัชชาติ เป็นรัฐมนตรีคมนาคม กับรัฐบาล คสช. ต่างผลักดันเรื่องนี้ เพียงแต่แตกต่างในรายละเอียด ถ้ามีโครงสร้างพื้นฐานจะนำสู่เศรษฐกิจยั่งยืน แต่ถามว่าขนอะไร ขนคนขนของ จะเชื่อมเศรษฐกิจระหว่างทางอย่างไร จบในประเทศ หรือต่างประเทศ และเชื่อมแค่ไหน

 

อย่างที่สามคือ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจชายแดน ปัจจุบันกลายเป็นไม่ตอบโจทย์การพัฒนาที่แท้จริง ที่น่ากังวลใจหลายพื้นที่ร้าง ไม่ใช่แค่ค้าขายชายแดนเมียนมา ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย ที่โตตามเศรษฐกิจของเพื่อนบ้าน แต่ยกระดับ และทำอย่างไรให้ไปถึงอินเดีย จีน ที่ไทยยังทำได้ไม่ดีพอ

สามอย่างนี้ จะเป็นตัวบอกว่าจะโชติช่วงชัชวาลหรือเปล่า เป็นสิ่งที่ควรวางเป้าหมาย 1-2 ปี

แต่ถ้าเอาระยะใกล้กว่านั้น วันนี้พรุ่งนี้ พื้นฐานเศรษฐกิจไทยไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม คือ ภาคท่องเที่ยว และส่งออก ที่ทำเงินจากต่างประเทศ กำลังมีปัญหาจากเงินทุนไหลเข้าทำให้เงินบาทแข็งค่า ค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวไทยแพงขึ้น สินค้าส่งออกจากไทยแพงขึ้น

ฝ่ายนโยบายการเงินตอนนี้ ยุ่งอยู่ว่าทำยังไงไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งเกินไป แทรกแซงมากไปสหรัฐฯ ก็กล่าวหาว่าบิดเบือนค่าเงิน ขณะที่ปีนี้น้ำแล้งอีกครั้ง เกษตรกรมีปัญหาแน่นอน มาตรการการคลังพยายามเข็นออกมา 1 แสนล้านบาท แต่ดูไส้ในยังไม่แน่ใจ ท้ายที่สุดคนที่ได้จะเป็นเกษตรกรหรือเปล่า? เพราะมองเห็นบัตรคนจน การปรับภาษีนิติบุคคล ที่คนชั้นกลางกับคนรวยมากกว่า ขณะที่ พ.ร.บ.งบประมาณ จะอัดฉีดเงินมากกว่านี้ถูกจำกัด เพราะกฎหมายยังผ่านไม่ทัน แม้ว่าจะมีเสียงเรียกร้องให้อัดฉีดระยะสั้นให้มาก แต่ก็ต้องทำอย่างระมัดระวัง  

ประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย มองว่า เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าศักยภาพจริง จะทำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำได้ช่วงเวลาหนึ่ง ต้องมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และไม่คอร์รัปชัน

 

ส่วนนักวิชาการทีดีอาร์ เชื่อว่าประชานิยมทำให้คนรู้สึกดีชั่วคราว และสิบปีที่ผ่านมาเราจมอยู่กับนโยบายแบบนี้ ไม่ได้ขวนขวายสร้างตัวกระตุ้นเศรษฐกิจอันใหม่ ที่จะช่วยสร้างความยั่งยืน

 

 

ครม.เศรษฐกิจถูกวิจารณ์อย่างหนักหน่วง ภาคเอกชนบางคนให้คะแนน ครม.เศรษฐกิจ ระดับพอใช้ เพราะหลายคนมาจากฝ่ายการเมือง บางคนไม่มีประสบการณ์ในสายงานที่เข้ามารับผิดชอบ และกระทรวงเศรษฐกิจยังกระจายอย่างน้อย 3 พรรคการเมืองที่ดูแล ซึ่งไม่ใช่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กำกับดูแลทั้งหมดเหมือนช่วงที่ผ่านมา อาจยังห่วงเรื่องเอกภาพการทำงาน

รัฐมนตรีหลายคนเริ่มงานวันแรก รีบลงพื้นที่ ดูหน้างานมีปัญหา ไม่ใช่แค่ปัญหาเฉพาะหน้าต้องมองระยะต่อไปว่าเศรษฐกิจไทยจะสร้างพื้นฐานยั่งยืนอย่างไร ช่วงเวลาจากนี้จะหยิบยกนโยบายแบบไหน ฉาบฉวย หรือยั่งยืน ใครตั้งใจจริงแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทย