วันนี้ (10 พ.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค เดินทางเข้ารับใบรับรองการเป็น ส.ส.ที่สำนักงาน กกต.แล้ว
นายธนาธร เปิดเผยว่า วันนี้ในฐานะเป็นผู้แทนราษฎรอย่างสมบูรณ์แล้ว ขอสัญญากับประชาชนว่า ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ทุกคนจะทำหน้าที่ในตำแหน่งนี้อย่างดีที่สุด และเต็มความสามารถ พร้อมสัญญาว่าผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่ทั้ง 80 คนจะไม่มีการนำภาษีของประชาชนมาใช้ในการส่วนตัว คอร์รัปชัน และไม่โอ้อวด ไม่ใช้อำนาจที่มาจากประชาชนให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ ให้สมกับความตั้งใจของประชาชนที่ได้ให้ความไว้วางใจกับพรรคอนาคตใหม่เข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้อย่างดีที่สุด ยืนยันว่าพรรคยังคงเดินหน้าตามอุดมการณ์ในการหยุดยั้งอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งในขณะนี้ยังไม่สามารถพูดได้ว่าคุยกับพรรคอะไรบ้าง ขอให้เป็นการให้เกียรติกับพรรคอื่นๆ ด้วย
ทั้งนี้ หากพิจารณาจากพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จะมีทั้งหมด 3 พรรค มีเสียงรวม 121 เสียง ซึ่งยังไม่ถึงครึ่งของ ส.ส.ในสภา จึงอยากประกาศให้พรรคการเมืองที่เคยพูดถึงจุดยืนตอนหาเสียง เคารพในจุดยืนที่เคยให้ไว้กับประชาชน เช่นเดียวกันก็ขอให้ประชาชนร่วมกันตรวจสอบพรรคการเมืองที่เคยให้จุดยืนและนโยบายไว้ว่าได้ดำเนินการตามสัญญาหรือไม่ โดยเชื่อว่าหากทุกพรรคที่มีจุดยืนและอุดมการณ์เดียวกันเมื่อรวมกันแล้ว จะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาและสามารถหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช.ได้
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวอีกว่า ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เชื่อมั่นว่า ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ทุกคนจะยึดมั่นในอุดมการณ์ ซึ่งการสร้างพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมาก็ไม่ได้มีเงื่อนไขในเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว แต่เป็นไปด้วยอุดมการณ์เดียวกัน ที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยที่ดีกว่านี้ ดังนั้น เชื่อว่าด้วยความหนักแน่นในความหวังและอุดมการณ์ของพรรคอนาคตใหม่จะไม่มี ส.ส.ที่จะยกมือสนับสนุนเผด็จการ และยืนยันว่าไม่มีการให้ ส.ส.เขียนใบลาออกล่วงหน้าแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้นำหลักฐานเพิ่มเติมเข้ายื่นต่อ กกต.กรณีการถือหุ้นสื่อกว่า 13 บริษัทนั้น ไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด เพราะมีหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ใจทั้งหมด
ด้านหน้านายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค กล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้ เพื่อมารับใบรับรองการเป็น ส.ส. ซึ่งกระบวนการในวันนี้เป็นกระบวนการวิธีการทางกฎหมายตามกระบวนการการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ใช่เป็นพิธีการที่ยอมรับว่า กกต.ทำถูกต้อง หรือรับรอง กกต. แต่ความศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้น คือการที่ประชาชนเป็นผู้เลือกเข้ามา