วันนี้ (28 เม.ย.62) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯได้รับการแจ้งข้อมูลมาจากประชาชนเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนของผู้สมัครรับเลือกตั้งและว่าที่ ส.ส. ของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเมื่อตรวจสอบยืนยันกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยตรวจสอบหนังสือบริคณห์สนธิ ทะเบียนนิติบุคคล รวมถึงวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดแล้วพบว่า มีผู้สมัครรับเลือกตั้งและว่าที่ สส. ของพรรคอนาคตใหม่จำนวน 11 รายปรากฎเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตาม ม.98(3) ของรัฐธรรมนูญ 2560 ประกอบ ม.42(3) แห่ง พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. 2561
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมฯจำต้องทำความจริงให้ปรากฏเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน สำหรับนักการเมืองที่จะเข้ามาสู่ระบบการเมืองของไทย ต้องไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัย และอยู่ภายใต้การบังคับใช้ของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ในเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตหลังจากที่ กกต. มีกำหนดจะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 95 ในวันที่ 9 พ.ค.61 นี้
สมาคมฯจึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานของผู้สมัครรับเลือกตั้งและว่าที่ ส.ส. ของพรรคอนาคตใหม่ทั้ง 11 คน ไปยื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อระงับการประกาศผลและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งพร้อมลงโทษตาม มาตรา 151 ของ พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 ที่บัญญัติไว้ชัดเจนว่า “ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอม ให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 20 ปี” ด้วย
ทั้งนี้ สมาคมฯจะเดินทางไปยื่นคำร้อง ในวันจันทร์ที่ 29 เม.ย.นี้ ที่สำนักงาน กกต. นอกจากนี้ยังมีผู้สมัครและว่าที่ สส.จากพรรคต่างๆ ทั้งฝ่ายประชาธิปไตยและฝ่ายสืบทอดอำนาจอีกมากที่เข้าข่ายเป็นเจ้าของสื่อซึ่งสมาคมฯจะรวบรวมนำไปร้อง กกต. ในโอกาสต่อไปเร็วๆ นี้