วันนี้ (25 เม.ย.2562) นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตการแจกใบส้มให้กับผู้สมัครส.ส.ว่า ทางกกต.ไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการหาเสียง หรือการกระทำอันเป็นการต้องห้ามในการหาเสียงให้กับผู้สมัครและพรรคการเมือง
ยืนยันว่าก่อนการเลือกตั้ง กกต.ได้มีหนังสือตอบข้อหารือของพรรคการเมืองถึงวิธีปฏิบัติ และการกระทำต้องห้ามในการหาเสียงกรณีการให้เงินหรือทรัพย์สิน พร้อมทั้งเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของสำนักงาน กกต.ก่อนการเลือกตั้งแล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง กกต.แจกใบส้มแรก "สุรพล" ว่าที่ ส.ส.เพื่อไทย เขต 8 เชียงใหม่
โดยเฉพาะลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ที่ได้ระบุว่า การเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สินไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อมแก่ผู้ใด ชุมชน สมาคมมูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์หรือสถาบันใด ไม่สามารถกระทำได้
นอกจากนี้ระเบียบกกต.ยังได้กำหนดว่า การให้เงินช่วยเหลือ หรือ ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใดตามประเพณีต่างๆไม่สามารถกระทำได้เช่นเดียวกัน
รอ "ธนาธร"เข้าชี้แจงปมหุ้นสื่อ
นายแสวง กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ภายหลังจากที่ กกต. มีมติว่าขาดคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.จากกรณีถือครองหุ้นบริษัทจำกัด ซึ่งประกอบกิจการสื่อมวลชนกว่า 6 แสนหุ้น ขณะนี้รอให้ผู้ถูกร้องมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาซึ่งเชื่อว่านายธนาธรจะรักษาสิทธิของตนเอง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง กกต.ตั้งกรรมการไต่สวน “ธนาธร” ปมหุ้นสื่อ ขีดเส้นแจงใน 7 วัน
นายแสวง ยังชี้แจงถึงกรณีการตั้งข้อสังเกตว่า กกต.มีอำนาจในการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามหลังวันเลือกตั้งหรือไม่ว่า ก่อนวันรับสมัครเลือกตั้ง กกต.มีอำนาจเพียงตรวจสอบลักษณะต้องห้าม ที่มีข้อมูลอยู่ในหน่วยงานของรัฐจำนวน 23 หน่วยเท่านั้น
แต่ถ้าเป็นลักษณะต้องห้าม ที่มีข้อมูลอยู่ในหน่วยงานเอกชนยังไม่สามารถตรวจสอบได้ จึงต้องให้ผู้สมัครรับรองตนเองไว้ว่าเป็นผู้ไม่มีลักษณะต้องห้ามก่อน หากภายหลังปรากฏว่ามีลักษณะต้องห้ามอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และพรรคการเมือง กกต.ก็จะดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจที่กำหนดไว้ในกฎหมายไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังเลือกตั้งวัน หรือประกาศผลเลือกตั้ง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับตา “ธนาธร"กลับถึงไทยเย็นนี้ ลุยถกปมถือหุ้นสื่อ