วันนี้ (4 ก.พ.2568) นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรร เทาสาธารณภัย (ปภ.) เผยภายหลังประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จากการติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ภาพรวมของประเทศดีกว่าขึ้นกว่าเมื่อวานนี้ (4 ก.พ.)
- บอร์ดสิ่งแวดล้อมเคาะแผนแก้ฝุ่น ฉ.2 เตือน กทม.PM2.5 สีส้ม 6-9 ก.พ.
- ฝุ่น PM 2.5 กทม.เกินค่ามาตรฐาน 57 พื้นที่ "ลาดกระบัง" มากสุด
โดยพื้นที่ใจกลางกรุงเทพมหานคร มีสถานการณ์ที่ดีขึ้น และเริ่มกลับสู่เกณฑ์มาตรฐาน ส่วนภาคใต้ คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ดีทุกจังหวัด เช่นเดียวกับภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่สถานการณ์ฝุ่นดีขึ้น เนื่องจากมีมวล อากาศเย็นกำลังปานกลางเข้ามาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือทำให้อากาศเปิดและลดฝุ่นในพื้นที่ได้เป็นอย่างมาก
นายสหรัฐ กล่าวอีกว่า ส่วนภาคเหนือตอนบนฝุ่นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี จะมีพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างที่ยังมีค่าเฉลี่ยของฝุ่นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะบริเวณ จ.สุโขทัยและพิษณุโลก สำหรับแนวโน้มในช่วงวันที่ 7-8 ก.พ.นี้ จะมีลมตะวันออก และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดมาทำให้ฝุ่นในช่วงดังกล่าวมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
สภาพอากาศ เป็นตัวแปรสำคัญที่อาจเพิ่มหรือลดความรุนแรงของฝุ่น PM 2.5 บกปภ.ช.กำชับทุกจังหวัดควบคุมการเผาในที่โล่ง ซึ่งทำให้เกิดจุดความร้อนเพิ่มขึ้น
ขณะนี้ทุกจังหวัดวางแผนรับมือสถานการณ์ฝุ่นตามการคาดการณ์ เพื่อป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ หลังจาก Kick off เคาะประตูบ้านหยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับมาตรการการห้ามเผา และทราบถึงโทษที่จะได้รับ
วันที่สองของการรณรงค์เคาะประตูบ้านหยุดเผา มีจังหวัดที่ประกาศห้ามเผาเพิ่มขึ้นเป็น 47 จังหวัด ประชาชนมีความตื่นตัว พร้อมความร่วมมือสถานประกอบการที่ทำให้เกิดควันไฟ
โดยขอความร่วมมือผู้ประกอบการหยุดกิจการที่มีการเผาที่ก่อให้เกิดฝุ่นควัน และจังหวัดยังได้ออกประกาศห้ามบุคคลทำการเผาในที่โล่ง และห้ามเผาโดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะมีโทษ ดำเนินคดีตามกฎหมาย หากพบเห็นผู้กระทำความผิดแจ้งได้ที่ศูนย์ดำรงธรรม ตำรวจ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ทุกแห่ง
ในส่วนของปภ.เตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกลสนับสนุนจังหวัดที่มีไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 โดยร่วมกับกองทัพบก (ทบ.) ส่งเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 ไปประจำการ ฐานปฏิบัติการกองพลทหารราบที่ 7 จ.เชียงใหม่ 1 ลำ สนับสนุนดับไฟป่าในพื้นที่ 17 จังหวัดเหนือ
อ่านข่าว ด่วน! กฟภ.ตัดไฟ 5 จุดเมียนมา 20.3 เมกะวัตต์สกัดคอลเซนเตอร์
จุดความร้อนของไทย 1,009 จุด
ขณะที่สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) ราย งานข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ระบบ VIIRS และจากข้อมูลดาวเทียมดวงอื่น ๆ ของเมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่าไทยมีจุดความร้อนรวม 1,009 จุด
ข้อมูลจากดาวเทียมระบุว่า จุดความร้อนในประเทศไทยเกิดขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 284 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 223 จุด เขตสปก. 211 จุด พื้นที่เกษตร 188 จุด พื้นที่ชุมชนพื้นที่อื่น ๆ 94 จุด พื้นที่ริมทางหลวง 9 จุด
ในขณะที่จุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านพบมากที่สุดที่กัมพูชา 1,329 จุดเมียนมา 635 จุด ลาว 411 จุด เวียดนาม 276 จุด มาเลเซีย 18 จุด
ทั้งนี้ GISTDA ยังคงติดตาม วิเคราะห์ และรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่
https://disaster.gistda.or.th/fire
อ่านข่าว อย.แจง "โค้ก" เรียกคืนสินค้าจากยุโรป "สารคลอเรต" เกินมาตรฐาน
ขณะที่กรมควบคุมมลพิษ(คพ.)รายงานสถานการณ์ฝุ่นเมื่อเวลา 13.00 น.ทั่วประเทศพบว่าส่วนใหญ่มีค่าฝุ่นดีขึ้น แต่ยังมีค่าเกินมาตรฐานระดับสีส้ม ยกเว้นโดยมีค่าฝุ่นระดับสีแดง 1 พื้นที่คือ สำนักงานเทศบาลเมืองเพชรบุรี ต.คลองกระแชง อ.เมือง จ.เพชรบุรี ตรวจวัดได้ 77.6 ค่า AQI 203 มีผลกระทบต่อสุขภาพ
จับมือเผาป่า 28 คน
น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะตัวแทนที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) กล่าวว่าขณะนี้มีการประกาศ “ห้ามเผา” ใน 50 จังหวัดทั่วประเทศ ทำให้แนวโน้มจุดความร้อนในประเทศไทยลดลง
โดยล่าสุดวันที่ 4 ก.พ.นี้จุดความร้อนในประเทศไทย 506 จุด ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ปลูกอ้อย ภาคตะวันตก ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดย 5 ลำดับแรกได้แก่ จตาก กาญจนบุรี นครราชสีมา ลพบุรี เพชรบูรณ์ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชายังมีจุดความร้อนสูงถึง 1,329 จุด
นอกจากนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานผลการบังคับใช้กฎหมายในฐานความผิดที่เกี่ยวกับมลพิษทางอากาศ มีการตรวจสอบยานพาหนะควันดำ 6,107 ครั้ง โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ 266 คน ส่วนในพื้นที่ กทม. ตรวจสอบ 546 ครั้ง จับกุมพร้อมสั่งแก้ไข 258 คน
ขณะที่การตรวจสอบการลักลอบเผาในพื้นที่เกษตร ได้จับกุมผู้กระทำความผิดแล้ว 28 คน