นอกจากพรรคประชาธิปัตย์ต้องระวังงูเห่าในพรรคแล้ว การเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพ ซึ่งเป็นฐานสำคัญของประชาธิปัตย์ก็ต้องระวังถูกเจาะฐานเสียงด้วย มีทั้งพรรคอนาคตใหม่ ที่อาจจะได้ฐานเสียงจากคนรุ่นใหม่ มีทั้งพรรคพลังประชารัฐ และรวมพลังประชาชาติไทย ที่ฐานเสียงอาจจะใกล้เคียงประชาธิปัตย์ สมรภูมิเลือกตั้งกรุงเทพครั้งนี้ ประชาธิปัตย์จะรักษาไว้ได้หรือไม่
ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง 24 มี.ค.นี้ การช่วงชิงทางการเมืองยิ่งมากขึ้น ล่าสุดพรรคเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ โดยทีมสอบสวนที่ออกมาเปิดข้อมูลการซื้อสิทธิ-ขายเสียงถึงหัวละ 1,000 บาท หรือก่อนหน้านั้น ก็ออกมาประกาศจุดยืน เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และไม่เลือกข้างทางบการเมืองฝ่าย นายทักษิณ ชินวัตร ท่ามกลางกระแสว่า สั่นคลอนฐานเสียงเดิมไม่น้อย แม้จะเพิ่มฐานเสียงใหม่ได้บ้าง
รศ.ยุทธพร อิสรชัย นักวิชาการรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ระบุว่า การเลือกตั้งที่เข้มข้นในกรุงเทพมหานคร สะท้อนความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญหลายด้าน ทั้งการแย่งชิงฐานเสียงระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่อดีตแกนนำพรรคหลายคนย้ายสังกัดไป
รวมไปถึงตัวแปรจากกลุ่มผู้ใช้สิทธิหน้าใหม่หรือ เฟิร์สโหวต และกระแสพรรคอนาคตใหม่ ที่มีภาพของคนรุ่นใหม่ชัดเจน จนบดบังกระแสคนรุ่นใหม่ของหลายพรรคการเมือง รวมทั้งกลุ่มนิวเดมของประชาธิปัตย์ไปด้วย
ในบางพื้นที่ประชาธิปัตย์ไม่ได้มีการถ่ายเทบุคลากร ยังเป็นคนหน้าเดิม แม้บางพื้นที่จะเป็นนิว เด็ม แต่ไมไอยู่ในบัญชี และขึ้นมาในช่วง 3 เดือนก่อนเลือกตั้ง และโอกาสจะช่วงชิงฐานเสียงในระดับพื้นที่ยังไม่เห็นภาพชัดนัก
จากการเลือกตั้งปี 2554 พรรคประชาธิปัตย์ได้แชมป์ ส.ส.กทม.รวม 23 ที่นั่ง และพรรคเพื่อไทยได้ 10 ที่นั่ง แต่ด้วยเงื่อนไขการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ กทม.มี 30 เขต จากเดิม 33 เขตเลือกตั้งด้วยกัน และในการเลือกตั้งปี 2562 มีแนวโน้มสูง ว่าพรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของฐานเสียงเดิม จะได้ที่นั่ง ส.ส.ลดลง
โดยปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องและเป็นเงื่อนไขนั้นนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ วิเคราะห์ว่า ประชาธิปัตย์ อาจได้ที่นั่ง ส.ส.น้อยลง หรืออาจจะต่ำกว่า 20 ที่นั่ง สืบเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างประชากรใน กทม. และพื้นที่ชั้นนอกของ กทม.ชั้นนอก ส่วนใหญ่ก็ยังคงยึดอยู่กับฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย
แต่จุดเปลี่ยนอาจจะอยู่ที่กทม.ชั้นใน ซึ่งมีกลุ่มชนชั้นกลาง คนรุ่นใหม่ และกลุ่มอนุรักษ์นิยม อาศัยอยู่มากกว่า และแม้จะเป็นฐานเสียงหลักของพรรคประชาธิปัตย์ แต่พรรคที่ลงมาท้าชิง ทั้ง "อนาคตใหม่ พลังประชารัฐ หรือแม้แต่รวมพลังประชาชาติไทย" ก็อาจเป็นส่วนแบ่ง-กระจายคะแนนเสียงไปได้