วันนี้ (13 มี.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการสำรวจความคิดเห็นประเด็น “เลือกตั้ง ภาคใต้ 62” จากการสุ่มตัวอย่างประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ 1,431 ตัวอย่าง ที่มีความหลากหลายทั้งพื้นที่ อายุ เพศ รายได้ ศาสนา และระดับการศึกษา ระหว่างวันที่ 1-28 ก.พ. ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) หรือ ม.อ.โพล พบว่า พรรคที่คนใต้อยากเลือกมากที่สุด คือ พรรคอนาคตใหม่ ร้อยละ 26.98 มีคะแนนนำพรรคการเมืองที่มีฐานที่มั่นสำคัญในภาคใต้อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 24.19 และถัดมาคือพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 19.30 และพรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 11.86
และเมื่อคำถามจากแบบสอบถามที่ว่า ท่านจะเลือกพรรคการเมืองเดิมที่เคยเลือกหรือไม่ พบว่า คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการเลือกพรรคเดิมสูงถึงร้อยละ 84.80
ส่วนคำถามว่า อยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี แม้เกิดกว่าครึ่งหนึ่งยังไม่ตัดสินใจเลือก แต่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก็ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับหนึ่ง คือ ร้อยละ 16.10 รองลงมาคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้อยละ 12.00 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 10.30 และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 8
ผศ.จุมพล ชื่นจิตต์ศิริ รองอธิการบดีฝ่ายกฎหมายและบริการวิชาการ ระบุว่า ผลการสำรวจที่จัดทำขึ้นอยู่ภายใต้กรอบของการศึกษาวิจัยและเป็นไปตามหลักวิชาการ โดยในช่วงการสำรวจมีการความเคลื่อนไหวหาเสียงของพรรคการเมืองบางพรรคในพื้นที่จึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีคะแนนนิยมมากกว่า ซึ่งในสถานการณ์การเมืองปัจจุบันอาจเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
และคำถาม 17 คำถาม ในแบบสำรวจไม่ได้เป็นชี้นำ แต่เป็นคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบแสดงความคิดเห็นได้เสรี และเห็นว่าปัจจัยหลักที่กลุ่มตัวอย่างใช้เป็นเหตุผลในการตัดสินใจเลือก คือ นโยบายแก้ปัญหาปากท้องโดยเฉพาะยางพารา และปาล์มน้ำมัน รวมถึงอดีตของนักการเมือง และพรรคการเมืองต่าง ๆ จึงอยากให้ทุกพรรคนำผลการสำรวจที่ได้ไปทำการศึกษา และหาแนวทางแก้ปัญหาให้ตรงกับความต้องการของประชาชน แทนการมองว่าเป็นการชี้นำสังคม
นายปองศักดิ์ ชอบทำกิจ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ จ.ตรัง ระบุว่า เป็นเรื่องที่ดีที่พรรคการเมืองจะนำผลการสำรวจความคิดเห็นมาประเมินการเลือกตั้ง และข้อมูลที่ได้ก็ถือว่าเป็นงานทางวิชาการที่น่าเชื่อถือ และรู้สึกดีใจที่คะแนนนิยมของพรรคมีมากขึ้น
ด้านนายสุกิจ อัถโถปกรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.ตรัง ระบุว่า การสำรวจความคิดเห็นอาจไม่คลอบคลุมกับคนทุกกลุ่ม เพราะจากการลงพื้นที่พบว่ามีการตอบรับจากประชาชนดีขึ้นต่อเนื่อง
การเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ภาคใต้มี 53 เขตเลือกตั้ง โดยประชาธิปัตย์ซึ่งครองเสียงข้างมากในภาคใต้มายาวนานกวาดไป 51 ที่นั่ง ที่เหลืออีก 2 ที่นั่งเป็นของพรรคมาตุภูมิ และภูมิใจไทยในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีเก้าอี้ ส.ส.ลดลง 3 เขตเลือกตั้ง ทำให้เหลือเพียง 50 เขต ทำให้การแข่งขันดุเดือดมากขึ้น เนื่องจากมีตัวแปรทั้งการย้ายพรรคของอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ การเสนอทางเลือกของพรรคการเมืองใหม่ และปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า ก็ทำให้สมรภูมิเลือกตั้งภาคใต้ปีนี้น่าสนใจอย่างมาก