กรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพรรคไทยรักษาชาติ (ทชษ.) ล่าสุด วันนี้ (11 ก.พ.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้นัดประชุมพิจารณาในสำนวนที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ยื่นร้องเรียนให้ตรวจสอบการกระทำของพรรคไทยรักษาชาติ
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส สอบถามไปที่บรรดาผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตของพรรคไทยรักษาชาติ พบว่า หลายคนอยู่ระหว่างการลงพื้นที่มาตลอดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในฐานะผู้สมัครซี่งต่างมีความเห็นหลากหลาย โดยเฉพาะที่ จ.สุพรรณบุรี ฐานเสียงใหญ่ของพรรคชาติไทยพัฒนา แต่การมีผู้สมัครที่เคยเป็นอดีต ส.ส.เก่าของพรรค และจากพรรคเพื่อไทยผันตัวมาอยู่พรรคไทยรักษาชาติ ทำให้การเลือกตั้งที่สนามสุพรรณบุรี ทั้งหมด 4 เขต ในปีนี้แข่งขันกันดุเดือดไม่น้อย ท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้สมัครมีมุมมองแตกต่างกันไป เช่น
ชาญชัย ประเสริฐสุวรรณ
นายชาญชัย ประเสริฐสุวรรณ อดีต ส.ส.หลายสมัย จากพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ตัดสินใจย้ายไปพรรคเพื่อไทยเพียงเดือนเศษ สุดท้ายตัดสินใจลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคไทยรักษาชาติ สุพรรณบุรี เขต 1 ซึ่งต้องชิงชัยกับผู้สมัครที่เป็น คนสนิทของนายวราวุธ ศิลปอาชา หรือท็อป แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนาในครั้งนี้
นายชาญชัย เปิดเผยว่า ไม่เคยรับทราบรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคมาก่อน เพราะพรรคไม่ได้แจ้งให้ทราบและส่วนตัวยังคิดว่าพรรคจะเสนอชื่อนายจาตุรนต์ ฉายแสง ในบัญชีนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งนายชาญชัยเรื่องจากที่ปรากฏเป็นข่าวแล้ว โดยกรณีที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ รวมถึงผลคำวินิจฉัยของ กกต. ก็พร้อมน้อมรับ และหากผลการพิจารณาเป็นไปในทางที่ไม่ดี ก็ตะมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการหาเสียง เช่น ไม่ใส่เสื้อที่มีโลโก้ของพรรคในการลงพื้นที่ เนื่องจากชาว จ.สุพรรณบุรี รู้จักผมและครอบครัวในนามตระกูล “ประเสริฐสุวรรณ” ซึ่งได้ลงพื้นที่ทำงานกันต่อเนื่องตั้งแต่รุ่นพ่อ 60-70 ปีมาแล้ว
ไม่ว่าจะได้เป็นหรือไม่ได้เป็นผู้แทนราษฎร ครอบครัวผมก็ยังทำหน้าที่ประสานงานความเดือนร้อนของคนในพื้นที่ต่อไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย แต่ที่สุดแล้วเหนือสิ่งอื่นสิ่งใด เรื่องของสถาบันต้องมาก่อน
ผมไม่เคยทราบมาก่อนจริง ๆ พรรคไม่ได้แจ้งอะไรให้ทราบ ซึ่งการลงพื้นที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ยังเป็นไปในนามพรรคไทยรักษาชาติ ตอนนี้ผมรอฟังผลคำวินิจฉัยของ กกต.เหมือนหลายๆ คน
กรณีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ นายชาญชัย ระบุว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อจากผู้บริหารหรือกรรมการพรรคไทยรักษาชาติ และส่วนตัวก็ไม่ได้ติดต่อกลับไปสอบถามใคร ต่างคนต่างทำหน้าที่ พร้อมเห็นว่าถ้าสอบถามคงไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน
พล.ต.เทียมศักดิ์ สุขานุยุทธ
พล.ต.เทียมศักดิ์ สุขานุยุทธ อดีต ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งลงสมัครในนามพรรคไทยรักษาชาติ สุพรรณบุรี เขต 2 เขตนี้สนามเลือกตั้ง ต้องชนกับนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ จากพรรคชาติไทยพัฒนา พี่ชายนายชาญชัย ที่ลงเขต 1 โดย พล.ต.เทียมศักดิ์ เปิดเผยว่า ทราบเรื่องนี้มาหลายเดือนแล้ว แต่ไม่ขอระบุชัดเจนว่าเป็นเดือนใด ขณะนั้นเป็นกระแสกันในพรรค แต่ความชัดเจนปรากฎชัดอีกครั้ง เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2562 ได้ทราบข่าวจากในพรรคว่ามีมติส่งชื่อชัดเจนแล้ว และต่อมาทราบชัดเจนพร้อมสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ซี่งวันนั้นยังอยู่ระหว่างการลงพื้นที่หาเสียงตามปกติใน จ.สุพรรณบุรี ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในช่วงดึก ทำให้วันถัดมาการลงพื้นที่เริ่มมีการตั้งคำถามจากชาวบ้าน แต่ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร เพราะขณะนี้ยังเดินพบปะประชาชน และให้รถขยายเสียงไปตระเวนหาเสียงเหมือนเดิม
ก่อนที่พรรคจะยื่นไปที่สำนักงาน กกต. ผมทราบแต่ก็ไม่เคยคิดว่าที่สุดแล้ว จะมีกระแสสวิงกลับมาที่พรรคไทยรักษาชาติอะไรแบบนี้ ไม่คิดนะครับ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ใครมองว่าเราเป็นฝ่ายตั้งรับ หรือผู้แพ้ก็ไม่ใช่ เพราะเรายังได้รับกำลังใจจากชาวบ้านอยู่
เมื่อถามถึงการตัดสินใจย้ายจากพรรคเพื่อไทยมาอยู่ที่ไทยรักษาชาติในครั้งนี้ และพบเหตุการณ์ดังกล่าว ตนไม่ได้รู้สึกว่าตัดสินใจผิด ต้องถือว่าตัดสินใจถูกด้วยซ้ำ เพราะพรรคไทยรักษาชาติทำให้คนรู้จักพรรคมากขึ้น และประชาชนในพื้นที่ก็ยังรูจักว่าพรรคเราด้วยว่า เป็นพรรคของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เขาก็ยังดีใจกันว่ามีพรรคนี้ เพราะถ้าเปรียบเทียบเมื่อครั้งสมัครในนามพรรคเพื่อไทย ขณะนั้นก็ดีอีกแบบเพราะได้กระแสของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และจากการลงพื้นที่มาต่อเนื่อง ตนเห็นว่าการแข่งขันกันในสนามเลือกตั้งที่ จ.สุพรรณบุรี พรรคไทยรักษาชาติจะมีโอกาสชนะ แม้ว่าเขตของตนจะต้องชนกับฐานเสียงใหญ่จากอีกพรรคก็ตาม (แข่งขันกับนายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ผู้สมัครพรรคชาติไทยพัฒนา) แต่ไม่ได้รู้สึกมีปัญหาอะไร รวมถึงหุตการณ์ใด ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับพรรคไทยรักษาชาติหลังจากนี้ด้วย
พล.ต.เทียมศักดิ์ ระบุด้วยว่า หาก กกต. วินิจฉัยส่งศาลรัฐธรรมนูญและมีผลต่อการยุบพรรคไทยรักชาติหลังจากนี้ ส่วนตัวมองว่าทำให้สิ้นสุดสมาชิกภาพของ ผู้สมัคร ส.ส.โดยปริยาย แต่การทำหน้าที่ตัวบุคคลไม่ได้จบตาม เพราะในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ยังมีอีกหลายพรรคที่มีแนวทางอุดมการณ์ใกล้เคียงกับพรรคไทยรักษาชาติ หรือเป็นพรรคแนวทางประชาธิปไตย ที่มีบุคคลเคยสนับสนุนแนวทางการทำงานของนายทักษิณ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาตลอด พร้อมเสนอว่าหากเกิดกรณีดังกล่าว พรรคไทยรักษาชาติอาจให้สมาชิกพรรคย้ายไปสังกัดพรรคอื่น เพื่อสนับสนุนการทำงานของสังกัดคน หรือพรรคที่มีแนวคิดเดียวกัน สุรปว่าเรื่องนี้ไม่มีการเสียของแน่นอนและระหว่างนี้ทางพรรคไทยรักษาชาติยังขอให้สมาชิกทุกคนรอดูสถานการณ์และรอความชัดเจน แต่ส่วนตัวก็ยังใส่เสื้อพรรคลงหาเสียงได้อย่างสบายใจ
เทียนชัย ปิ่นวิเศษ
นายเทียนชัย ปิ่นวิเศษ อดีต ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ลงสมัครในนามพรรคไทยรักษาชาติ สุพรรณบุรี เขต 3 ต้องชนกับผู้อาวุโสแห่งสุพรรณบุรี ถึง 2 คน ทั้งนายจองชัย เที่ยงธรรม จากพรรคภูมิใจไทย และนายประภัตร โพธสุธน จากพรรคชาติไทยพัฒนา
นายเทียนชัย เปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่เคยทราบมาก่อนเกี่ยวกับรายชื่อบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรค และไม่เคยสอบถาม เพราะเน้นเรื่องการลงพื้นที่ แต่เมื่อมีประเด็นที่เกิดขึ้นกับพรรคไทยรักษาชาติขณะนี้ ถือว่ามีผลมากต่อการลงพื้นที่ของผู้สมัคร ส.ส. เพราะข่าวที่ออกมา มีทั้งข่าวจะยุบพรรคและวิจารณ์ประเด็นต่าง ๆ ทำให้ประชาชนเริ่มเกิดความกังวลและมีความเครียด ส่วนตัวมองว่าปัญหาไม่ได้เกิดกับผู้สมัคร แต่เกิดกับประชาชนที่เป็นกังวล จึงต้องชี้แจงให้ข้อเท็จจริงให้เข้าใจว่าเป็นอย่างไร หลังจากนี้หากมีอะไรเกิดขึ้นกับพรรคและไม่เป็นไปในทิศทางที่ดี ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อ แต่ขณะนี้ยังลงพื้นที่หาเสียงตามปกติ เพราะเห็นว่า จ.สุพรรณบุรี เป็นฐานใหญ่ของคู่แข่ง (พรรคชาติไทยพัฒนา) และทางพรรคไทยรักษาชาติต้องทำการบ้านกันหนัก
ชาวบ้านถามผมว่าพรรคจะยุบหรือไม่ หรือจะให้ผมเปลี่ยนพรรคได้ทันหรือไม่ ผมก็ได้แต่บอกว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เมื่อเราเป็นผู้สมัครก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ต้องรอฟังว่าผู้เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างไร ส่วนตัวผมไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนจะได้เป็นผู้แทนหรือไม่ และใครจะเป็นผู้นำพรรคก็ได้ แต่สำคัญคือความเดือนร้อนของคนในพื้นที่ต้องได้รับการแก้ไข
นายไพโรจน์ ลีรัตนนุรักษ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งลงสมัครในนามพรรคไทยรักษาชาติ สุพรรณบุรี เขต 4 ซึ่งเขตนี้จะชนกับ นายสหรัฐ กุลศรี อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ผู้ที่เคยชนะเจาะไข่แดงสนามเลือกตั้ง จ.สุพรรณบุรี มาได้ 1 ที่นั่ง และชนกับนายเสมอกัน เที่ยงธรรม (ลูกชายนายจองชัย)
ไพโรจน์ ลีรัตนนุรักษ์
นายไพโรจน์ เปิดเผยว่า รับทราบรายชื่อบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคพร้อมกับสื่อมวลชน เมื่อวันที่พรรคไปยื่นเอกสารที่สำนักงาน กกต. และจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้สอบถามผู้บริหาร หรือผู้ใหญ่ในพรรค เนื่องจากเห็นว่าเป็นมติของพรรคที่ตัดสินใจส่งรายชื่อบัญชีนายกรัฐมนตรี ซึ่งทางพรรคส่งใครส่วนตัวก็พร้อมน้อมรับ เพราะในฐานะเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต จะใช้เวลาลงพื้นที่เพื่อพบปะประชาชนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงวันนี้ก็ยังลงพื้นที่หาเสียงตามปกติและติดป้ายหาเสียงเพิ่มเติม โดยมีประชาชนมาสอบถามและให้กำลังใจ แต่อธิบายให้เข้าใจอนาคตพรรคจะเป็นอย่างไรก็พร้อมน้อมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ไม่รู้สึกเสียดายเลยที่ออกจากพรรคเพื่อไทยมาอยู่พรรคไทยรักษาชาติ เพราะไม่ว่าจะพรรคไหนก็เปรียบเสมือนเป็นพรรคพี่พรรคน้องกันอยู่แล้ว ผมก็ขอทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ไม่มีปัญหาใด ๆ การหาเสียงก็ยังเดินหน้าตามปกติ