วิเคราะห์จากเส้นทางในอุทยานแห่งชาติไทรโยค จ.กาญจนบุรี จากเขตอุทยานถึงสำนักสงฆ์ที่คณะของปลัดอ้างว่าเข้าไปทำบุญนั้น ไม่มีชุมชนอยู่ และหัวหน้าอุทยานฯ ไทรโยคมองจากประสบการณ์ว่าเป็นไปได้ยากที่จะมีคนขี่มอเตอร์ไซต์สวนทางกับคณะของปลัดแล้วขายอุ้งตีนหมีให้
นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร โฟสต์เฟซบุ๊กตั้งข้อสังเกตเรื่องนี้ว่า เส้นทางที่เข้าไปไม่ใช่ทางท่องเที่ยว น่าจะเป็นทางขนแร่เก่า อีกทั้งวัดป่าด้านในเป็นสายกรรมฐาน ศึกษาธรรมะเข้มข้น จึงตั้งคำถามว่ากลุ่มนี้เข้าไปทำบุญแบบไหน วัดนี้ไม่ใช่วัดทั่วไปที่ชอบให้ญาติโยมถวายของ
ส่วนหลักฐานมัดตัวปลัด พบปืนไรเฟิลและเครื่องกระสุน มีดทำครัว มีดพร้า รวมถึงพบอุ้งตีนหมีขอแช่น้ำแข็งในตู้เย็นเก่า ทั้งหมดนี้อยู่ในรถที่ร่วมมากับขบวนของปลัด แต่ไม่ใช่รถของปลัด หากปลัดบอกว่าคนขับรถคนนี้ซื้ออุ้งตีนหมีขอมาจากชาวบ้านที่พบระหว่างทาง แล้วเอาปืนไรเฟิลกับเครื่องกระสุนที่คนทั่วไปทราบดีว่านิยมไว้ล่าสัตว์เอาเข้าไปทำไม เอามีดพร้า มีดทำครัวและถังน้ำแข็งซึ่งเป็นตู้เย็นเก่าเข้าไปทำไม แค่ไปตั้งแคมป์พักแรมจริงหรือไม่ แต่ยังมีจิ๊กซอร์ที่ขาดอยู่คือ ซากหมีขอที่เห็นแต่อุ้งตีนกับปลอกกระสุน หากมีก็ชัดเจนว่าคณะของปลัดเข้าไปล่า แม้จะพิสูจน์ไม่ได้ว่าปลัดเป็นคนลงมือยิงเองหรือไม่ แต่ก็ถูกตั้งข้อหาร่วมกันล่า
และวันนี้ (8 ต.ค.2561) เจ้าหน้าที่เข้าไปหาหลักฐานเพิ่มในเขตอุทยานฯ ไทรโยคอีกครั้ง สำคัญคือจิ๊กซอร์ที่ยังขาดอยู่คือซากหมีขอและปลอกกระสุน หากพบอาจทำให้น้ำหนักเรื่องนี้มีมากขึ้น
เมื่อเทียบกับคดีล่าเสือดำของนายเปรมชัย กรรณสูต หลักฐานมัดตัวมากกว่า เพราะคณะของนายเปรมชัย มีนายพรานชื่อว่าพรานแกะนำทางเข้าไป มีอุปกรณ์ทำครัว มีแม่ครัวที่เชี่ยวชาญการปรุงอาหารป่าเข้าไปด้วย การถลกหนังเสือดำทำด้วยความชำนาญ เตรียมเกลือเข้าไปถนอมหนังเสือ ปืนที่พบมีชื่อนายเปรมชัยครอบครอง มีเนื้อเก้งที่คนล่าสัตว์ทราบกันดีว่ากลิ่นแรงไว้ใช้ล่อเสือได้ดี และที่สำคัญมีโพสต์เฟซบุ๊กในอดีตของลูกน้องนายเปรมชัยว่าเคยไปล่าสัตว์กับนาย อาจจะทำให้เห็นพฤติกรรมของนายเปรมชัยในอดีตที่เชื่อได้ว่าเป็นคนชอบล่าสัตว์