แนวโน้มการทำประกันภัยพิบัติเพิ่มขึ้น

วันนี้ (28 ส.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จ.นครพนม จ.บึงกาฬ และภาคกลางใน จ.เพชรบุรี เบื้องต้น บริษัทประเมินความเสียหายที่บริษัทประกันภัย ต้องจ่ายสินไหมเบื้องต้นประมาณ 100 ล้านบาท เเละภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะน้ำท่วม บางพื้นที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงส่งผลให้แนวโน้มประกันภัยธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น ทำเพิ่มทั้งประชาชนทั่วไป คือทำประกันความเสี่ยงเผื่อบ้านน้ำท่วม ไฟไหม้ ภาคอุตสาหกรรมก็มียอดซื้อเพิ่ม รวมไปถึงภาคการเกษตร เพราะตระหนักถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น

นายฮากีม เบ็ญราฮีม ผู้จัดการฝ่ายรับประกันภัย NON-MOTOR ด้านทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด บมจ.วิริยะประกันภัย เปิดเผยว่า ภัยธรรมชาติมีผลต่อตลาดประกันอย่างมาก โดยความคุ้มครองมีการควบคุมมากขึ้น รวมถึงบริษัทรับประกันทุกแห่งมีมาตรการควบคุมความเสี่ยงว่าจะสามารถรับได้มากน้อยเพียงใด เพราะมีผลต่อตลาดประกันภัยต่อในต่างประเทศว่าจะสามารถรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยได้มากน้อยแค่ไหน เช่น เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ซึ่งบริษัทประกันต้องจ่ายสินไหมมูลค่าสูงกว่า 400,000 ล้านบาท

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมปีนี้ ซึ่งเกิดในพื้นที่ตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น จ.นครพนม จ.บึงกาฬ และพื้นที่ภาคกลางที่ จ.เพชรบุรี ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนและพื้นที่อุตสาหกรรมได้รับความเสียหายบางส่วน เบื้องต้น บริษัทประเมินความเสียหายที่บริษัทประกันต้องจ่ายสินไหมเบื้องต้นประมาณ 100 ล้านบาท

ด้านนายวิญญู อังศุนิตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.วิริยะประกันภัย กล่าวว่า จากแนวโน้มภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลกทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วม พายุ ภัยแล้ง ส่งผลให้การทำประกันภัยธรรมชาติเพิ่มขึ้น โดยในปี 2559-2560 พบว่ามีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นทั่วโลกสูงกว่าภัยที่เกิดจากอุบัติเหตุที่จากคนถึง 23 เท่า สะท้อนให้เห็นว่าภัยธรรมชาติมีโอกาสสร้างเสียหายได้มากกว่าภัยที่เกิดจากมนุษย์