วันนี้ (28 มิ.ย.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนที่ตกลงมาในพื้นที่วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย เป็นอุปสรรคในการช่วยเหลือ 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง ส่งผลให้ระดับน้ำในถ้ำยังไม่ลด และวันนี้สถานการณ์เลวร้ายที่สุด
แผนเกี่ยวกับน้ำแผนแรก คือ ตัดยอดน้ำจากผาหมี ที่เป็นต้นน้ำของถ้ำหลวง แต่ไม่ไหวฝนตกหนัก 2. ระบายน้ำจากหนองน้ำพุ ปรากฎว่า ระดับน้ำในถ้ำลดลงจริงแต่ไม่สัมพันธ์กับระดับที่ลดลงในหนอง 3.พร่องน้ำจากโถง ไปไว้ตามแอ่ง หรือ บ่อขนาดเล็ก ภายในถ้ำ แต่ระดับน้ำก็ไม่ลดแต่กลับเพิ่มจนกระทั่งเต็มทุกโถงเนื่องจากฝนตกต่อเนื่อง
4.ตั้งเครื่องสูบน้ำที่โถง 3 ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการของหน่วยซีลต่อท่อ 3 กม.ออกมาเชื่อมกับเครื่องสูบขนาดใหญ่ที่ปากทางเข้าถ้ำ ปรากฎว่า ช่วงแรกระดับน้ำลดลงค่อนข้างดีจนเจ้าหน้าที่มีความหวัง แต่ต่อมาน้ำเริ่มระบายไม่ออก ประกอบกับช่วงเวลา 01.00 น.ฝนตกลงมาอย่างหนักทำให้น้ำระบายออกมาไม่ทันกับน้ำที่ไหลเข้าทำให้น้ำเต็มทุกโถง
ปัจจัยแรกที่คุมไม่ได้คือ ฝน นับตั้งแต่เกิดเหตุยังตกคงตกต่อเนื่อง และไม่มีข้อมูลของการวัดปริมาณน้ำที่บอกได้ชัดเจนว่า บริเวณถ้ำหลวงมีน้ำฝนตกลงมาเท่าใด ซึ่งปริมาณน้ำมีผลต่อการคาดการณ์สถานการณ์ และการวางแผนในการระบายน้ำอย่างมาก อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตากสถิติเดิมเพื่อคาดการณ์อาจจะไม่ได้ข้อมูลที่ตอบได้ว่า ถ้ามีฝนตกลงมาจะส่งผลต่อระดับน้ำในถ้ำได้อย่างชัดเจน ต้องใช้เครื่องมือวัดฝนแบบเรียลไทม์ ถึงจะสามารถวัดแล้ววิเคราะห์ความสัมพันธ์ปริมาณฝนกับระดับในถ้ำได้
นอกจากนี้ ภายในถ้ำหลวงยังมีข้อมูลว่า มีตาน้ำผุดออกมาตลอดเวลา ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปปฏิบัติงานที่ระบุว่า พื้นถ้ำอิ่มน้ำ และหินงอกหินย้อยจากเดิมที่เป็นน้ำหยด แต่เป็นน้ำที่ไหลลงมาไม่หยุดเหมือนเปิดก๊อกน้ำ
อาจารย์พรชัย ศิริไพบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยา กล่าวว่า น้ำไหลจากเหนือลงใต้คดเคี้ยวไปตามกายภาพของถ้ำก่อนไปถึงหาดพัทยาที่คาดการณ์ว่า กลุ่มนักฟุตบอลอยู่บริเวณนั้น มีน้ำอีกเส้นที่ไหลจากทิศตะวันตกมาเติม และยังมีอีกข้อเสนอที่สำคัญคือต้องวางเครื่องสูบในจุดที่ต่ำที่สุดเพื่อให้บ่อหรือโถงที่อยู่ต่ำสุดสามารถสูบน้ำออกได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯ ติดตามการช่วยเหลือ-ค้นหา 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง
ผู้ว่าฯแถลง ตร.โรยตัวถึงโถงถ้ำพระ - จนท.ปภ.เป็นลม
"ได้รับของ ตอบกลับจะรีบช่วยด่วน!" เปิดกล่องช่วยชีวิตเด็กติดถ้ำ