หลอมรวมแรง (ใจ) ภารกิจช่วย 13 ชีวิตติดถ้ำ

ไทยพีบีเอสออนไลน์ รวบรวมการปฏิบัติหน้าที่จากทุกหน่วยงานที่หล่อหลอมดวงใจ มุ่งตรงภารกิจค้นหา 13 ชีวิต ทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย จ.เชียงราย หลังจากทราบว่าพวกเขาติดในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน มาตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้(27 มิ.ย.) ล่วงเข้าสู่วันที่ 5 แต่ทุกชีวิตต่างลืมความเหน็ดเหนื่อย ท้อแท้ แม้เส้นทางกว่า 10 กิโลเมตรจะเต็มไปด้วยอุปสรรค ยากลำบาก แต่เป้าหมายหนึ่งเดียวคือ "ทีมหมูป่า"ต้องปลอดภัย กลับสู่อ้อมอกของครอบครัว 

นับจากวันแรก (23 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน บุคคลแรกที่เห็นถึงความผิดปกติ เนื่องจากสังเกตมองเห็น รถจักรยาน 11 คัน จอดอยู่บริเวณทางเข้าปากทางถ้ำหลวงฯ จึงได้เข้าไปตรวจสอบ 

จากนั้นทีมกู้ภัยสยามรวมใจและทีมกู้ชีพสมาคมสิริกร เชียงรายได้รับแจ้งจากผู้ปกครองว่าเด็กหาย จึงได้นำถังออกซิเจนและเชือกเข้าไปในถ้ำเกือบรุ่งเช้าของอีกวัน เพื่อติดตาม ค้นหาผู้สูญหายในถ้ำแต่ไม่พบ

ทีมค้นหาของทหารและตำรวจตระเวนชายแดน หรือ ตชด. จำนวน 10 นาย เข้าไปในถ้ำเพื่อค้นหา ขณะที่ทีมค้นหาของหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง หรือ นรข. จำนวน 3 นาย เข้าไปสบทบในถ้ำ เพื่อค้นหาและช่วยเหลือผู้ที่สูญหาย

หลังจากหน่วยซีลเดินทางถึงถ้ำหลวง และเป็นหน่วยงานหลักในการค้นหาภายในถ้ำแล้ว หน่วยงานอื่นก็ไม่ได้หยุดพักตลอด 24 ชั่วโมงเช่นกัน เนื่องจากระดับน้ำในถ้ำที่เพิ่มสูงขึ้น จากฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง

โดยนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ตั้งกองอำนวยการเพื่อบูรณาการค้นหาผู้สูญหายทั้ง 13 คน อย่างเกาะติดตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรแม่สาย ฝ่ายปกครองในพื้นที่รวมทั้งชาวบ้านร่วมให้ข้อมูลและช่วยเหลือในการปฏิบัติงานเพื่อให้ได้พบตัวผู้สูญหายโดยเร็วที่สุด

เร่งระบายน้ำแข่งกับเวลา 

กรมชลประทานร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้เข้าประเมินสถานการณ์น้ำและเริ่มสูบน้ำบริเวณหนองน้ำพุ เพื่อลดระดับน้ำลงแล้วให้น้ำในถ้ำไหลออกมา ซึ่งหนองน้ำนี้ห่างจากถ้ำหลวงประมาณ 800 เมตร และได้ส่งเครื่องสูบน้ำเข้าไปในถ้ำ 8 เครื่อง โดยมีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แม่สาย, บาดาลแม่สาย เร่งเดินสายไฟและติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องปั่นไฟ เมื่อตัวเครื่องยังมีปัญหาไม่สามารถทำงานได้ กฟภ.และกรมทรัพยากรบาดาล จึงเร่งตรวจสอบตัวเครื่องสูบน้ำและแก้ไขทันที เพื่อทำงานแข่งกับเวลา

ค้นหาโพรงถ้ำ ทางออก 13 ชีวิต 

ขณะที่นอกถ้ำหลวง ทีมตชด. นรข.ทีมกู้ภัยและกรมป่าไม้ได้ร่วมเดินเท้าสำรวจปล่องโพรงถ้ำหลวง เพื่อหาทางเข้าถ้ำทางใหม่ และสำรวจความกว้าง ลึก รวมถึงเส้นทางว่าโพรงดังกล่าวเชื่อมไปถึงโถงถ้ำหลวงได้หรือไม่ หวังช่วยผู้สูญหายได้โดยเร็วที่สุด

กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ส่งทีมศูนย์กู้ภัยและมวลชนสัมพันธ์ภาคเหนือตอนบน ชุดกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ประจำอุทยานแห่งชาติต่างๆ จำนวน 100 นาย เข้าพื้นที่อำนวยความสะดวกขนย้าย สัมภาระ อุปกรณ์ สนับสนุนหน่วยซีล และภารกิจสำคัญกับตชด.ลาดตระเวนพื้นที่ป่าตามแนวพิกัด และโครงสร้างของถ้ำหลวงตลอดแนว เพื่อค้นหาโพรงถ้ำบริเวณด้านบนของปล่องถ้ำ สามารถเข้าถึงบริเวณโพรงถ้ำด้านบนเมื่อตรวจสอบค่าพิกัดแล้ว ตรงกับบริเวณที่เรียกว่า “หาดพัทยา”

 

แผนที่ 3 มิติถ้ำหลวงช่วยค้นหา 

ทีมนักธรณี กรมทรัพยากรธรณี และผู้เชี่ยวชาญเรื่องถ้ำ ได้เข้าร่วมการค้นหาปล่องบริเวณทิศใต้ของปลายถ้ำ และแนวฝั่งตะวันออกของแนวถ้ำเป็นหน้าผาใกล้เชิงเขา โดยส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจ พร้อมส่งข้อมูลให้หน่วยงานที่ปฏิบัติการค้นหาในพื้นที่ ใช้เฮลิคอปเตอร์และโดรนสำรวจช่องทางในการโรยตัว นอกจากนี้ยังประเมินความหนาผนังถ้ำ และธรณีสันฐานถ้ำหลวง เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในการเจาะปล่องถ้ำหลวง หาทางช่วยชีวิตผู้สูญหาย ยืนยันทางเทคนิค สามารถเจาะได้ไม่เสี่ยงถล่ม แต่การเจาะถ้ำนั้น จำเป็นต้องทราบตำแหน่งที่แน่ชัด

ทางสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จีสด้า ร่วมกับ มทร.ล้านนา จัดทำแผนที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย แบบเข้าใจง่าย ในรูปแบบภาพ 3 มิติที่สามารถมองได้ 360 องศา (ภาพหมุนได้ทุกทิศทุกทาง) แบบ topview โดยได้ส่งข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 การประสานงานผ่านสถาบันการศึกษา ราชมงคลล้านนาเชียงราย เพื่อใช้ในการวางแผนการทำงานในภารกิจช่วยเหลือการค้นหาผู้สูญหายทั้ง 13 ชีวิต

96 ชม. "กองทัพ" เสริมกำลังไม่เหน็ดเหนื่อย 

กองทัพส่งกำลังพลทหารกว่า 1,000 นาย แบ่งกำลังสำรวจเส้นทางน้ำ เพื่อจัดทำฝายชะลอการไหลของน้ำจากผาหมีที่จะไหลเข้ำปากถ้ำ เบี่ยงเบนเส้นทำงน้ำที่จะไหลเข้าปากถ้ำไปในทิศทางอื่น รวมทั้งแบ่งกำลังสนับสนุนหน่วยซีลในการขนท่อน้ำ-สายไฟ แบกแท้งก์ออกซิเจนเข้า-ออกถ้ำหลวง รวมถึงลำเลียงอาหารให้ผู้ปฏิบัติการในถ้ำ พร้อมมีการสนับสนุนยุทโธปกรณ์ในภารกิจครั้งนี้ ทั้งเฮลิคอปเตอร์แบบเบลล์ 212 จำนวน 2 เครื่อง กำลังพล 8 นาย เฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์ค 1 เครื่อง พร้อมกำลังพล 4 นาย และ เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบMI 17 จำนวน 1 เครื่อง พร้อมกำลังพล 8 นาย

โดยกำลังพลจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษหน่วยรบ เตรียมพร้อมปฏิบัติภารกิจค้นหาและกู้ภัย ด้วยการบินสำรวจปล่องหรือโพรงถ้ำโดยได้รับการสนับสนุนโดรนตรวจจับความร้อนจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ที่กล้องตรวจจับความร้อนนี้ ช่วยในการค้นหาสิ่งมีชีวิต โดยการตรวจจับความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกาย

นอกจากโดรนแล้ว ศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมอวกาศและทะเล  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ยังได้นำหุ่นยนต์ดำน้ำ 1 เครื่อง เพื่อช่วยเปิดทางสำรวจให้นักประดาน้ำรู้พิกัดพื้นที่มากขึ้น เนื่องจากภายในถ้ำน้ำขุ่น บางพื้นที่เป็นโคลน อีกทั้งยังมีมืด จึงทำให้มนุษย์กบทำงานได้อย่างยากลำบาก หากเจ้าหน้าที่ทราบสภาพภายในถ้ำจากกล้องที่ติดหุ่นยนต์ดำน้ำ และทราบพิกัดต่าง ๆ ก็จะช่วยให้ทำการค้นหาได้เร็วยิ่งขึ้น

ขณะที่กองทัพยังได้มีการจัดรถครัวสนาม 1 คัน เริ่มประกอบอาหารแจกจ่ายผู้ปฏิบัติงาน และจัดกำลังสำหรับโรงพยาบาลสนาม 1 ชุด เตรียมพร้อมในการส่งกลับทางการแพทย์

ทีมแพทย์ เฝ้าหน้าถ้ำพร้อมรักษา -เยียวยาใจ

ด้านทีมแพทย์สนามจาก สาธารณสุขจังหวัดได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามขนาด 10 เตียง มีทีมแพทย์และเครื่องมือช่วยชีวิต ยาและเวชภัณฑ์พื้นฐานที่จำเป็น เพื่อเตรียมความพร้อมรอรับผู้สูญหายทั้ง 13 คน บริเวณหน้าถ้ำ โดยจะมีแพทย์พร้อมเข้าตรวจร่างกายผู้สูญหายทันทีที่ออกมาบริเวณปากถ้ำ เพื่อให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น เช่น การใส่สายน้ำเกลือ ให้ออกซิเจน หรือการปั๊มหัวใจช่วยชีวิต หากเด็กมีอาการหนักจะทำการส่งโรงพยาบาลแม่สายต่อทันที

ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. ยังได้ประสานโอเปอเรเตอร์ 5 ค่ายโทรศัพท์ ขยายช่องสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ พร้อมสนับสนุนวิทยุสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานค้นหาผู้สูญหายทั้ง 13 คนอีกด้วย

 

อ่านข่าวเพิ่มเติม

สธ.ส่งทีมแพทย์ปักหลักหน้าถ้ำหลวง รอช่วย 13 ชีวิตทันที

จับทันที ! มิจฉาชีพฉวยโอกาสขอรับเงินบริจาคช่วยทีมหมูป่า

ผบ.ทบ.ระบุกำลังพลเพียงพอช่วยเหลือ 13 ชีวิต

กรมทรัพยากรธรณี วิเคราะห์ความหนาถ้ำหลวง "เจาะผนังถ้ำ”

ค้นหาตลอดคืน! ภารกิจช่วยเหลือ 13 ชีวิตติดถ้ำหลวงวันที่ 5