นายสมชาย ณ นครพนม นักโบราณคดีศิลปากรทรงคุณวุฒิ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม อธิบายถึงอาวุธปืนที่ตรวจพบจากบ้านของนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเว๊ลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ว่า จากการตรวจสอบรูปแบบปืนอยู่ในลักษณะของ "ปืนคาบศิลา" หรือเรียกอีกชื่อว่า "ปืนสับนก" จากลวดลายต่างๆ สันนิษฐานว่า เป็นปืนสมัยปลายรัชกาลที่ 5 เป็นโบราณวัตถุ ตามพระราชบัญญัติโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504
ส่วนใหญ่มักพบในพิพิธภัณฑ์ และของสะสมของผู้ที่ชื่นชอบ เมื่อตรวจดูจากรูปแบบลักษณะคาดว่าจะนำเข้ามาจากประเทศอังกฤษ ซึ่งประชาชนสามารถครอบครองได้ แต่ต้องมีหนังสือการครอบครอง ปัจจุบันยังคงมีผู้ต้องการที่จะครอบครองและยังสามารถหาได้
การใช้งานปืนดังกล่าวในยุคนั้นถือว่ามีประสิทธิภาพดีเพราะยิงได้ไกลกว่าธนู ความแม่นยำมากกว่าเนื่องจากมีลำกล้องที่ยาว สามารถนำไปใช้ได้ในหลากหลายพื้นที่ แต่การใช้งานค่อนข้างใช้เวลานาน เนื่องจากต้องนำดินปืนใส่และนำลูกกระสุนใส่ ในยุคสงครามกลางเมืองของสหรัฐอเมริกา จะเห็นว่ามีทหารแถวหนึ่งยิง อีกแถวหนึ่งใส่ดินปืน แถวด้านหลังก็ขยับไปด้านหน้าแทนสลับกันไปเพื่อความต่อเนื่องในการยิง
นายสมชาย ยังระบุว่า ปืนคาบศิลากระบอกที่ตรวจพบจากบ้านนายเปรมชัย ไม่น่าจะใช้งานได้แล้ว ในปัจจุบันการซื้อปืนคาบศิลาเพื่อเป็นของสะสมยังมีอยู่ ซึ่งอาจจะมีการนำเข้า หรืออาจอยู่ในไทยตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 5 ก็ได้ แล้วยกเลิกการใช้งาน และกระจัดกระจายไปอยู่ในบ้านของผู้คนที่สะสม ดังนั้นการที่จะบอกว่านำเข้าผ่านกระบวนการศุลกากรหรือไม่ก็อาจจะพูดยาก
หากประเมินราคาของปืนคาบศิลา อาจจะไม่ชัดเจนนัก เนื่องจากต้องพิจารณรายละเอียดและประวัติของปืนว่ามีผู้นำหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงเคยครอบครองหรือไม่ คาดว่าราคาขายในตลาดจะอยู่ประมาณกระบอกละ 30,000 - 40,000 บาท
ซึ่งในกรณีของนายเปรมชัย อาจเข้าข่ายความผิดฐานครอบครองโบราณวัตถุ เพราะปืนประเภทนี้ยังไม่ได้ประกาศเป็นโบราณวัตถุที่ห้ามเคลื่อนย้าย ประชาชนจึงมีไว้ในครอบครองได้ หากไม่มีหลักฐานแสดงที่มาก็ต้องตกเป็นของแผ่นดินทันที
อ่านข่าวเพิ่มเติม
"ศรีวราห์"เชิญ"กรมศิลป์-ไซเตส" หารือ จ่อแจ้งข้อหา "เปรมชัย" เพิ่ม