วันนี้ (2 มี.ค.2561) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางถึงสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เพื่อตรวจสำนวนการสอบสวนคดีล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก โดยนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คนได้เดินทางเข้าพบ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในคดีล่าสัตว์ป่าแล้ว ซึ่งเป็นการเข้ามาพบพนักงานสอบสวนก่อนกำหนดนัดวันที่ 5 มี.ค.นี้
การปรากฎตัวของนายเปรมชัย ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 25 วัน นับจากวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมาได้ถูกควบคุมตัวไปที่ สภ.ทองผาภูมิ โดยก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำเพิ่ีมเติมได้พูดคุยกับพล.ต.อ.ศรีวราห์ ประมาณ 10 นาที
จากนั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ ยืนยันว่า นายเปรมชัย และพวกรับทราบข้อกล่าวหาในคดีล่าสัตว์ป่าทั้ง 9 ข้อหาที่เคยตั้งไว้ หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบสำนวนคดีต่างๆว่าสอดคล้องกันหรือไม่ ถ้าขัดแย้งก็สามารถเรียกมาสอบสอบเพิ่มเติมได้ ถ้าสอบถามแล้วก็ได้ปล่อยตัวนายเปรมชัย กลับบ้านไป
ตำรวจต้องสอบสวนและสั่งฟ้องตามกฎหมาย ไม่ใช่ฟ้องกันตามความรู้สึก ข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ตำรวจมีนั้นพอฟ้องอยู่แล้ว อย่าให้ไปแพ้เขาเพราะข้อกฎหมาย เช่น ไปสอบสวนโดยไม่ชอบ ไปนำชี้ที่เกิดเหตุโดยที่กองพิสูจน์หลักฐานไม่ยืนยัน หรือรับแจ้งความทั้งที่กฎหมายไม่มี เช่น กรณีรับแจ้งความข้อหาทารุณกรรมสัตว์ เพราะทั้งหมดนี้จะทำให้การสอบสวนไม่ชอบ และอาจทำให้ตำรวจเสียหายได้
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงกว่าในการสอบปากคำนายเปรมชัย สรุปว่า ไม่สอบเพิ่ม ตร.บอกหลักฐานครบ คดีลอบฆ่าสัตว์ป่าครบถ้วนแล้วไม่จำเป็นต้องสอบเพิ่มอีก พร้อมเตรียมสรุปสำนวนส่งอัยการฟ้อง 9 ข้อหาที่เคยตั้ง ด้านทนายความเปรมชัย ยิ้มตอบสื่อ ว่าไปตามพยานหลักฐานต่อสู้เต็มที่
เปิดหลักฐาน กรมอุทยานฯมีอะไร?
หากถามว่า “หลักฐาน”ที่มีเพียงพอหรือไม่ แหล่งข่าวจากกรมอุทยานฯ ระบุว่า ขณะนี้มีหลักฐานที่เก็บได้จากวันเกิดเหตุ (4 ก.พ.) จากแคมป์ที่พัก ประกอบด้วย รูปถ่ายในวันเข้าวันจับกุมโดยทีมหัวหน้าวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก ซึ่งมีทั้งพยานจากชุดเจ้าหน้าที่ชุดเข้าจับกุมนายเปรมชัย และพวกรวม 4 คน รถ Land cruiser , เต็นท์ ลูกน้อง ,เต็นท์นอน นายเปรมชัย กรรณสูต ,ผ้าใบ ,หม้อต้มหางเสือดำ ใต้ผ้าใบ, ชิ้นเนื้อสัตว์ป่า ,หนังเสือดำทั้งตัวที่ถูกชำแหละ 10.6 กก. ,กระดูกเสือดำ ,กระเป๋าใส่กระสุนปืน ปืนไรเฟิลและปืนลูกซองแฝด
ขณะที่หลักฐานที่ถูกส่งให้กับทีมนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ ประกอบด้วย ชิ้นเนื้อ ลำไส้ ขน กระดูกท่อนหาง ที่ตรวจดีเอ็นเอ ยืนยันว่าเป็นเสือดำตัวเมีย รวมทั้งชิ้นเนื้อของไก่ฟ้าหลังเทา เก้ง ซึ่งทั้งหมดกรมอุทยานฯ ขณะที่ยังรอผลการตรวจสอบตัวอย่างที่ถูกส่งมาเพิ่มเติมในภายหลัง เช่น กระดูกท่อนขา ลำไส้ อึเสือ คราบเลือดบนมีดที่พบในที่เกิดเหตุ
ส่วนหลักฐานที่ชุดพญาเสือ ส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมจากการลงพื้นที่เก็บหลักฐาน 2 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้เจอชิ้นส่วนกระดูกท่อนขาหลัง ลำไส้เสือดำ ในลำห้วยปะชิ ร่องรอยวิถีกระสุนบนต้นไม้ รวม 3 จุด รวมทั้งจุดชำแหละเสือดำ และภาพจากกล้องดักถ่ายภาพสัตว์ป่า ซึ่งทั้งหมดเป็นหลักฐานใหม่ที่ชุดพญาเสือ รวบรวมได้เพิ่มเติมจากที่จุดเกิดเหตุ จากนั้นนำมาทำแผนที่เหตุการณ์และผู้ที่อยู่ที่ในที่เกิดเหตุ พร้อมเตรียมจะนำส่งพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมภายในวันที่ 22 ก.พ.นี้
ขณะที่เมื่อวานนี้ (1 มี.ค.) ยังได้ลงพื้นที่ร่วมกับตำรวจ และกองพิสูจน์หลักฐาน มีการทำผังแสดงพื้นที่เกิดเหตุ (แคมป์พัก)ออกเป็น 15 จุด โดยได้วางจุดต่างๆ ไว้ เช่น จุดที่ยิงเสือดำ จุดที่เสือดำอยู่ และจุดที่กระสุนปืนกระทบต้นไม้ และหิน โดยผลตรวจสอบพบว่า จุดที่ยืนยิงเสือดำ ยังไม่สามารถบอกระยะได้ชัดเจน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ พิสูจน์หลักฐาน ได้ทดสอบระยะ ด้วยการทดสอบปืน ชนิดเดียวกันในห้องทดลองมาแล้ว พบว่า มีวิถีและกลุ่มของกระสุนปืนกระจายออกจากกัน เป็นร่องรอยกระสุนปืนบนกิ่งไม้ ทั้งสองต้นนั้น เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานยืนยัน เป็นร่องรอยกระสุนปืนจริง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่า เป็นกระสุนปืน ชนิดใด ต้องหา ลูกกระสุนที่ตกบริเวณนั้นเพิ่มเติม
แหล่งข่าวระบุว่า หลักฐานมีอายุ ไม่ว่าจะเป็นดีเอ็นเอ ซากสัตว์ป่า รอยกระสุน วิถีกระสุน เมื่อตรวจพบหากชี้เป้าไว้แล้ว แต่ขาดการตรวจสอบโดยตำรวจและเชื่อมโยงให้ปรากฎความจริงประกอบในสำนวนคดี ก็เท่ากับเป็นการทำลายหลักฐานที่มี
อ่านข่าวเพิ่มเติม
"เปรมชัย" ดอดพบ "ศรีวราห์"หลังหายหน้า 25 วันรับทราบข้อหาล่าสัตว์