6 ปีก่อน นายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเศรษฐีเครื่องดื่มชูกำลัง ตกเป็นผู้ต้องหาขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจสายตรวจท้องที่ทองหล่อ เสียชีวิตทั้งที่ยังอยู่ในชุดเครื่องแบบและทำหน้าที่
รถยนต์ของผู้ก่อเหตุในขณะนั้นขับลากร่าง ด.ต.วิเชียร ไปไกลหลายร้อยเมตร เมื่อตำรวจแกะรอยจากคราบน้ำมัน พบว่า รถยนต์ไปที่บ้านหลังใหญ่ในซอยสุขุมวิท 53 ตำรวจในขณะนั้นนำกำลังไปปิดบ้านและใช้หมายศาลเข้าตรวจค้นจนกระทั่ง นายวรยุทธ อยู่วิทยา เข้ามอบตัวและสารภาพว่าเป็นผู้ขับรถ
แต่วันนี้ นายวรยุทธ กลายเป็นผู้ต้องหาคดีหมายจับของศาลอยู่ในต่างประเทศและยังตามตัวไม่พบ แต่ 5 ปี ของการดำเนินคดีนายวรยุทธ เกิดข้อกังขา กระบวนการยุติธรรม ก่อนที่ศาลอาญากรุงเทพใต้จะมีความสั่งฟ้อง เมื่อเดือน มี.ค.59 นายวรยุทธ ขอเลื่อนเข้าพบอัยการ และพนักงานสอบสวน รวม 7 ครั้ง ใช้เหตุผลว่าอยู่ต่างประเทศ 2 ครั้ง ยื่นขอความเป็นธรรมต่ออัยการ ยื่นขอความเป็นต่อคณะกรรมาธิการสภาฯ และยื่นขอให้อัยการสอบปากคำเพิ่มเติม ข้อกล่าวหาจากทั้ง 5 ข้อ เหลือ เพียงข้อหาเดียว คือ ขับรถประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิตที่เหลือข้อกล่าวหาขาดอายุความ
ขณะที่ คดีล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่ซึ่งอยู่ในกระแสความท้าทายของกระบวนการยุติธรรม เช่นเดียวกัน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำทีมตำรวจบุกตรวจค้นบ้านพักนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บมจ.อิตาเลี่ยนไทย ในซอยเพชรบุรี 47 หลังจากตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันล่าสัตว์ป่า ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี พบงาช้าขนาดประมาณ 1 เมตร จำนวน 2 คู่ ปืนรวม 43 กระบอก กระสุนหลายขนาดกว่า 1,500 นัด
แต่การสอบสวนขณะนี้ แม้ตำรวจตั้งทีมคณะทำงาน รวบรวมพยานหลักฐาน และมีข้อกล่าวหาทยอยเพิ่มขึ้นถึง 10 ข้อหา แต่การสอบสวนนายเปรมชัย ยังคงให้การปฏิเสธ และมีแนวโน้มพร้อมการต่อสู้คดีในชั้นศาล ทั้ง 2 คดี แม้อาจไม่ใช้ความผิดเดียวกัน ผู้ต้องหา คนละกลุ่มมีความแตกต่างในสำนวนการสอบสวน แต่จุดสิ้นสุดของปลายทางคดีนี้ กลายเป็นความท้าทายที่หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมจะเป็นผู้หาคำตอบ