วันนี้ (16 ธ.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงการเสียชีวิตของนักเรียนเตรียมทหารภคพงศ์ ตัญกาญจน์ แถลงผลการสอบฯ ไม่พบการถูกทำร้าย และเป็นการเสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ขณะที่ครอบครัวฯ มีกระแสข่าว อาจไม่มารับฟังผลการสอบสวนวันจันทร์ที่ 18 ธ.ค.นี้ ตามคำเชิญของกองทัพฯ และเตรียมเข้าแจ้งความนั้น
พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง ในฐานะประธานสอบสวนข้อเท็จจริงฯ เปิดเผยว่า เป็นสิทธิของครอบครัว ซึ่ง พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด สั่งการให้เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร ติดต่อครอบครัวมารับฟังผลการสอบสวน ทั้งประสานทางโทรศัพท์และเอกสารเชิญ หากได้รับตอบรับ จะเป็นผู้ชี้แจงด้วยตัวเอง โดยนำผลการสอบสวนแจ้งต่อครอบครัว เช่นเดียวกับที่แถลงข่าวกับสื่อมวลชน และพร้อมตอบข้อสงสัยทุกประเด็น พร้อมย้ำว่าหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนฯ ถือว่าสิ้นสุดแล้ว หากมีการทบทวน หรือสั่งการให้สอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ ขึ้นกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งวันจันทร์นี้จะรายงานสรุปภารกิจทั้งหมดให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดรับทราบ ส่วนการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ในสื่อสังคมออนไลน์ ขึ้นกับความเชื่อของแต่ละบุคคล เพราะคณะกรรมการฯ ยึดตามพยานหลักฐานเชิงประจักษ์
สำหรับเหตุการณ์ช่วงวันที่ 15-16 ตุลาคม ที่นักเรียนเตรียมทหารภคพงศ์ ถูกรุ่นพี่ธำรงวินัย ในโรงเรียนเตรียมทหาร ถูกตั้งข้อสังเกตว่าไม่ได้อยู่ในรายงานสรุปผลการสอบสวนด้วยนั้น เนื่องจากไม่ใช่เหตุการณ์หลัก และโรงเรียนเตรียมทหาร ในฐานะผู้รับผิดชอบได้ตั้งกรรมการสอบสวนและดำเนินการไปตามระเบียบ เสร็จสิ้นแล้ว
ทั้งนี้ คณะกรรมการสอบสวนฯ ใช้เวลาเกือบ 14 วัน สอบถามข้อมูลผู้เกี่ยวข้อง 42 คน และตรวจสอบหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด สรุปเป็น 2 เหตุการณ์ คือวันที่ 17 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่เสียชีวิต และวันที่ 10 ตุลาคม ซึ่งนักเรียนเตรียมทหารภคพงศ์ ลื่นตกบันได 8 ขั้น จากทั้ง 2 เหตุการณ์ จึงสรุปได้ว่าไม่มีผู้ใดสั่งลงโทษ หรือทำร้ายร่างกาย อันเป็นเหตุให้เสียชีวิต ส่วนกรณีซี่โครงด้านขวาซี่ที่ 4 หัก แพทย์ก็ไม่ตัดประเด็นการทำซีพีอาร์ นานถึง 4 ชั่วโมง จึงสรุปสาเหตุเสียชีวิตว่าเกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
ขณะที่นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ มารดาของนักเรียนเตรียมทหารภคพงศ์ เปิดเผยกับไทยพีบีเอสว่า วันจันทร์นี้ ครอบครัวฯ ไม่ได้สะดวกเดินทางไปรับฟังผลสอบ เนื่องจากติดภารกิจ แต่จะไปรับทราบภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งยังไม่กำหนดวันที่ชัดเจน พร้อมตั้งข้อสังเกตกว่าการแถลงของทางกองทัพ เมื่อวานนี้ (15 ธ.ค.) แม้หลายประเด็นจะเป็นเรื่องเดิมที่เคยแถลงครั้งแรก แต่มีบางประเด็นที่เป็นเรื่องใหม่ที่ต้องขอดูข้อมูล ก่อนจะแถลงสื่อมวลชนอีกครั้ง พร้อมตั้งข้อสังเกตด้วยว่าการแถลงของทหารใน 2 ครั้งที่ผ่านมา แม้ได้อ้างอิงภาพจากกล้องวงจรปิด แต่เป็นภาพนิ่งเท่านั้น ไม่ใช่ภาพเคลื่อนไหว ที่จะทำให้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้