วันนี้ (21 พ.ย.2560) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า หลังจากเข้ามารับตำแหน่งนายกสมาคมฯ มีคำถามจากสื่อมวลชนและแฟนบอล รวมถึงประชาชนว่าการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศมีการกำหนดผลการแข่งขันล่วงหน้า หรือล็อกผลการแข่งขันล่วงหน้าจริงหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วต้องการพิสูจน์ความจริง จึงได้เข้าหารือกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันเกือบ 1 ปี เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงไม่อยากทำอะไรลงไป หากไม่มีหลักฐานเพียงพอและไม่สามารถเอาผิดผู้ที่อยู่ในขบวนการล้มบอลได้ และมีการประชุมหารือกันตลอด แต่ไม่ได้มีการให้ข่าวหรือเปิดเผยข่าว เพราะต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยก่อน
สำหรับเรื่องการล็อกผลฟุตบอลหรือว่าล้มบอลไม่ใช่เพิ่งมี แต่มีมานานแล้วเป็น 10 ปี แต่ว่าไม่มีการดำเนินการใดๆ ซึ่งในอดีต ผู้บริหารในสมาคมหรือผู้มีอิทธิพลหรือผู้มีบารมีในวงการกีฬา เริ่มจากการขอร้อง บังคับ ขู่เข็ญ เสนอข้อแลกเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ในด้านต่างๆ หรือทรัพย์สินเงินทอง เพื่อกำหนดผลการแข่งขันและสร้างประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง แต่ยังไม่ค่อยรุนแรง ต่อมาเมื่อฟุตบอลมีการพัฒนาเป็นอาชีพ ผลประโยชน์ที่ตอบแทนทีมฟุตบอลมีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเงินสนับสนุนจากสมาคม การกีฬาแห่งประเทศไทย เงินรางวัล หรือแม้แต่จากสปอนเซอร์สินค้า จึงเป็นเรื่องรุนแรงมากขึ้น บุคคลดังกล่าวจึงหาช่องทางเอาเปรียบโดยการกำหนดผลการแข่งขันล่วงหน้า เพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง และต่อมา มีการพนันเข้ามาและการเข้าถึงการพนันฟุตบอลง่ายขึ้น บางคนมียูเซอร์เองโดยไม่ต้องไปแทงกับใคร เมื่อมีการพนันเข้ามา บุคคลเหล่านี้จึงเอาผลประโยชน์จากการล็อกผลการแข่งขันล่วงหน้ามาเล่นการพนัน
นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า การล้มบอลเปรียบเสมือนโรคร้ายที่อยู่ในร่างกาย ถ้ารู้ต้องรักษา ถ้าเป็นโรคร้าย เช่น โรคมะเร็ง ต้องผ่าตัด การผ่าตัดต้องเจ็บ การรักษามีโอกาสหาย แต่ถ้าไม่รักษา ปล่อยให้โรคนี้อยู่กับตัวเราต่อไปเรื่อยๆ รอวันตาย ซึ่งจากการหารือร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยประเมินผลได้ผลเสีย พบว่าผลเสียมีมากกว่า เราจะไม่รอวันตายเหมือนกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีการล็อกผลการแข่งขันด้วยการพนัน และวงการฟุตบอลล่มสลาย สำหรับขบวนการล้มบอลมีการจัดตั้งแบบครบวงจร มีทั้งนายทุนในประเทศไทยและนายทุนจากต่างประเทศ ซึ่งตำรวจมีการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นผู้ตัดสิน นักกีฬา และบุคคลที่อยู่ในข่ายว่ามีอยู่จริงและมีมานานแล้ว สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้อง 12 คนที่ตำรวจออกหมายจับแล้ว หากพบว่ามีพยานหลักฐานเชื่อมโยงผู้เกี่ยวข้อง หรือพาดพิงถึงใครก็จะสาวต่อ โดยตำรวจช่วยกันทำให้วงการฟุตบอลคงอยู่ต่อไปไม่ล่มสลายและเป็นการทำเพื่อประเทศชาติด้วย ซึ่งผลงานชิ้นนี้เป็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างแท้จริงและเป็นสิ่งที่่จะทำให้วงการฟุตบอลไม่ล่มสลาย
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การพนันในวงการฟุตบอลเป็นที่ครหาสงสัยมาตลอด โดยเฉพาะการทำทีมฟุตบอลที่ใช้เงินจำนวนมหาศาล บางทีมใช้เงิน 300-400 ล้านบาท แล้วนักกีฬาถูกซื้อตัวไปจากทีมของตัวเองโดยไม่รู้ตัว ถือว่าเป็นการเอาเปรียบไม่ว่าจะเป็นทีมใหญ่ ทีมเล็ก ทีมกลาง เป็นการเอาเปรียบโดยที่เจ้าของทีมอาจจะไม่รู้ว่ามีนักกีฬาจากทีมของตัวเอง กรรมการ หรือนายทุนกระทำการลักษณะเช่นนี้มาตลอด ซึ่งเกิดจากผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถจับได้ไล่ทัน แม้กระทั่งทีมโปลิศ เทโร ก็โดนเช่นกัน ซึ่งมาเฟียฟุตบอลมีแต่ทีมใหญ่ๆ ทั้งนั้น และมีทีมกลางคอยร่วมมือ ถือว่าคดีนี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ รอดูผลต่อไปว่าศาลจะตัดสินอย่างไร ซึ่งว่าไปตามพยานหลักฐาน อยากให้วงการฟุตบอลมีความรุ่งโรจน์เหมือนประเทศอื่นๆ ไม่มีเจตนาทำร้ายใคร แต่สิ่งเหล่านี้ยังเกาะกินอาชีพอย่างนี้ ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 12 คนถูกควบคุมตัวไว้หมดแล้ว ซึ่งต้องว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม
ทั้งนี้ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 12 คน มีดังต่อไปนี้
นักฟุตบอลอาชีพ 5 คน ประกอบด้วย 1.นายสุทธิพงษ์ เหลาพร นักฟุตบอลทีมราชนาวี เอฟซี, 2.นายณรงค์ วงษ์ทองคำ ผู้รักษาประตู ทีมราชนาวี เอฟซี, 3.นายสุวิทยา นำสินหลาก นักฟุตบอลทีมราชนาวี เอฟซี, 4.นายเสกสันต์ ชาวทองหลาง นักฟุตบอลทีมราชนาวี เอฟซี, 5.นายวีระ เกิดพุดซา ผู้รักษาประตูทีมนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี
ผู้ตัดสิน (ฟีฟ่า) 1 คน คือ นายภูมิรินทร์ คำรื่น และไลน์แมน 1 คน คือ นายธีรจิตร สิทธิศุข
ผู้บริหารสโมสร 1 คน คือ นายเชิดศักดิ์ บุญชู ผู้อำนวยการสโมสรศรีสะเกษ เอฟซี
กลุ่มนายทุนหรือตัวแทนนายทุน 4 คน คือ 1.นายวัลลภ สมาน, 2.นายกิตติภูมิ ปาภูงา, 3.นายมานิตย์ หรือ เศรษฐปสิทธิ์ โกมลวัฒนะ, 4.นายภาคภูมิ พันธ์นิกุ
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย กล่าวถึงขบวนการล้มบอลว่า นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯกำลังตรวจสอบอยู่ ซึ่งหากผิดกฎหมายต้องดำเนินการออกหมายจับ โดยกำชับให้ทุกกระทรวง ทบวง กรมดูแลให้มากขึ้น
ขณะที่ ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กล่าวว่า การล้มบอลเป็นมะเร็งร้ายในวงการกีฬา ถ้าเป็นนักกีฬาต้องมีความซื่อสัตย์ในหน้าที่ มองว่าน่าจะส่งผลกระทบพอสมควรในด้านความศรัทธาและบรรยากาศ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
ชี้มูลสโมสรฟุตบอลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือล้มบอล https://news.thaipbs.or.th/content/267853