วันนี้ (28 ก.พ.2560) พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยถึงแนวทางการตรวจสอบใบสุทธิบัตรของพระสงฆ์ที่เดินทางมาวัดพระธรรมกายและตลาดกลางคลองหลวงว่า เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ, สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทหาร และตำรวจได้ร่วมกันตรวจสอบอย่างเข้มงวด ซึ่งพระพยายามเดินทางเข้าวัดพระธรรมกาย จำเป็นต้องห้ามเข้าและต้องลงทะเบียนก่อน เพราะเป็นพื้นที่ควบคุมตามคำสั่ง คสช.มาตรา 44 เพื่อป้องกันบุคคลที่แปลกปลอมเข้ามาที่ไม่ได้เป็นพระสงฆ์ ซึ่งสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี แต่ที่ผ่านมาอาจมีพระสงฆ์บางรูปไม่พอใจกับปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ เพราะเกรงว่าจะถูกนำไปประกอบการดำเนินคดีต่อไปหรือไม่
รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงพระสงฆ์ที่ได้ตรวจค้นและให้ลงทะเบียนทุกรูป และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างเฉลี่ยวันละ 100 รูปไม่เกิน 300 รูป ส่วนหนึ่งพระสงฆ์ก็ได้เดินทางกลับภูมิลำเนาแล้ว ซึ่งมีขบวนการคัดกรองพระสงฆ์และสกัดกั้นเข้ามาในพื้นที่ควบคุมรอบนอก
ที่ผ่านมาได้รับรายงานว่า พระสงฆ์ถูกชักจูงเข้ามาวัดพระธรรมกาย โดยอ้างว่าทางรัฐบาลจะล้มล้างศาสนาหรือทำลายพระพุทธศาสนา ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมาได้ดำเนินการตามขั้นของกฎหมายทุกประการ ในช่วงนี้เจ้าหน้าที่ ขอความร่วมมือพระสงฆ์และประชาชน หากต้องการจะทำบุญให้ไปวัดอื่นก่อน เพราะช่วงนี้เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เพื่อจับกุมพระธัมมชโย ผู้ต้องหาฟอกเงินและรับของโจร คดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เพราะถ้าเข้ามาในตอนนี้อาจได้รับผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนความเคลื่อนไหวของเครือข่ายธรรมกายในต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบทวีปยุโรปนั้น เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในประเทศและมีกฎหมายรองรับ เช่น กรณีวัดพระธรรมกายไม่สามารถไปเทียบกับปัญหาในต่างประเทศได้ ทางดีเอสไอได้วางมาตรการทำตามกฎหมายและมีคำสั่ง คสช.ตามมาตรา 44 รองรับ เพราะต้องการให้การแก้ไขปัญหานี้ให้สำเร็จ ส่วนความเคลื่อนไหวในต่างประเทศ หรือต่อต้านการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐไทย ซึ่งหน่วยงานต่างประเทศก็เข้าใจว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาภายในประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างแก้ปัญหา
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า แนวทางปฏิบัติแม้ว่าจะมีกฎหมายตาม มาตรา 44 รองรับ ยืนยันว่าดีเอสไอแทบจะไม่ได้ใช้มาตรการนี้ แม้จะสามารถใช้ได้ เพราะต้องการพยายามให้ปฏิบัติการครั้งนี้ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และหลังจากเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย 13 วัน มีความคืบหน้าและมีแนวทางเดิม ซึ่งเวลาอาจไม่ใช่ตัวแปรความสำเร็จในเรื่องนี้