วันนี้ (25 ก.พ.2560) พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ปฎิเสธไม่ได้รับรายงาน หรือมีข้อมูลว่าพบสัญญานโทรศัพท์ของพระเทพญาณมหามุณี (พระธัมมชโย) ในวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายในการเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ไม่ว่าพระธัมมชโยจะอยู่ภายในวัดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องทบทวนแผนการปฏิบัติงาน เพราะอุปสรรคสำคัญคือการนำพระสงฆ์และศิษย์ยานุศิษย์เข้ามาเป็นด่านหน้า จึงไม่เหมาะสมหากมีการใช้ความรุนแรง
พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเฝ้าระวัง หลังพบว่ามีกลุ่มพระสงฆ์หลายจังหวัดเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งตามมาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกาย รวมทั้งมาตรการควบคุมสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิบัติการเบื้องต้น ส่วนกรณีพระสงฆ์และศิษย์ยานุศิษย์ที่รวมตัวอยู่บริเวณตลาดกลางคลองหลวงนั้น เจ้าหน้าที่จะบังคับใช้กฎหมายย้อนหลัง
“ก็ต้องเจรจา ถามว่าถ้าเจ้าหน้าที่จะใช้กำลังก็ใช้ได้ แต่ถ้ามีผู้บาดเจ็บล่ะ เราก็ต้องทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่า การเข้ามามันผิดกฎหมาย หลังจากที่เลิกลากันไป กฎหมายก็ยังบังคับใช้อยู่อาจจะต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายอยู่” พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าว
ขณะที่พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย กล่าวชี้แจงกรณีตู้คอนเทนเนอร์ที่ประตู 15 ว่า เป็นตู้คอนเทนเนอร์ของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำไปตั้งขวางไว้ ไม่ใช่ของศิษย์ยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย
พระสนิทวงศ์ กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าตรวจสอบอาคารดาวดึงส์ โดยอ้างว่าได้รับสัญญาณโทรศัพท์ของพระธัมมชโย เมื่อวันที่ 18 ก.พ. เวลา 04.00 น. ว่าไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้าก่อนเข้าตรวจค้นดังกล่าว ซึ่งพระธัมมชโยไม่เคยมีโทรศัพท์ส่วนตัว หรือใช้เบอร์ใดเป็นพิเศษ ขณะนี้ยังไม่มีบุคคลใดเข้าไปในอาคารดังกล่าว