ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งคืนเนื่องจนถึงเช้าวันนี้(20 ก.พ.2560)บรรยากาศวัดธรรมกาย จ.ปทุมธานี ได้มีความเคลื่อนไหวหลังการเข้าปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และทหาร ตำรวจ ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ที่ประกาศใช้มาตรา 44 ให้วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ ให้เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติงานตามหาพระธัมมชโย และมีการเข้าค้นภายในวัดต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ 5
ทำให้เริ่มมีความเคลื่อนไหวต่อต้านจากพระวัดธรรมกาย และศิษยานุศิษย์ ยังปักหลักปิดทางเข้าออกวัด ตำรวจภูธรภาค1 จำนวน1กองร้อย นำแพงเหล็กมากันระหว่างทางเข้าถนนคลองแอล ซึ่งเป็นถนนเลียบบคลองที่มุ่งตรงไปบริเวณทางเข้าประตู 5 และ 6 ของวัดพระธรรมกาย เพื่อสกัดไม่ให้ศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย เดินทางเข้าไปในพื้นที่บริเวณทางเชื่อมระหว่างประตู5 และ6 ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่พยายามนำกำลังเข้ากดดันขอคืนพื้นที่จากพระภิกษุสงฆ์ และ ศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา
ตร.กังวลมือที่ 3 ป่วนศิษย์ธรรมกายรวมพลต้าน
ส่วนประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเดินทางกลับบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่ถูกปิดกันพื้นที่ไว้ เจ้าหน้าได้ฝากประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนที่มีบ้านพักอยู่ในพื้นที่ แสดงบัตรประชาชน เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นบุคคลที่อยู่ในพื้นที่จริง จึงจะอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ได้ ส่วนศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย ที่มีประสงค์เดินทางกลับออกจากพื้นที่วัด ก็สามารถเดินทางออกได้ตลอด แต่เจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้เดินทางกลับเข้าไปอีก
โดยบรรยากาศบริเวณประตู 5 และ 6 มีพระภิกษุสงฆ์ และศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย นั่งสวดมนต์อยู่ภายในเต้นชั่วคราว ซึ่งมีจำนวนไม่มาก ถ้าเปรียบเทียบกับเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา นอกจากนี้พบว่าบางส่วนใส่เสื้อกันฝน และ ยังคงใส่ผ้าปิดปาก
ด้านพ.ต.ต. วรณัณ ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ยืนยันว่าการจัดกำ ลังตำรวจ กว่า 600 นาย ปฏิบัติการขอคืนพื้นที่บริเวณประตู 5 และ 6 เมื่อช่วงเย็นวานนี้(19 ก.พ.) ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่เจ้าหน้าที่จะต้องควบคุมมวลชน เพราะเกรงว่าจะมีมือที่ 3 เข้า ไปสร้างสถานการณ์ ซึ่งในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่เตรียมเสริมกำลังกระชับพื้นที่วัดพระธรรมกาย อีก 13 กองร้อย ปฏิบัติงานถึง 23 ก.พ.นี้ เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบคำสั่ง แผนรักษาความสงบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กระชับพื้นที่ห้ามพระ-คนนอกเข้าสมทบ
กระทั่งเมื่อเวลา 01.00น วันนี้ (20ก.พ.2560) ตำรวจภูธรภาค1 จำนวน2กองร้อย หรือ 300 นาย พร้อมด้วยทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน เคลื่อนขบวนมาที่บริเวณทางเข้าถนนคลองแอน จ.ปทุมธานี ซึ่งอยู่ใกล้กับทางเข้าประตู5-6 ของวัดพระธรรมกาย เพื่อรับคำสั่งตามภารกิจ เช่น เฝ้าประจำจุดบริเวณประตูทางเข้าหลักรอบวัดพระธรรมกาย ตั้งด่านความมั่นคงร่วมกับทหาร บริเวณถนนคลองหลวง และ บริเวณโดยรอบ รวมถึงจัดหน่วยลาดตระเวนนอกเครื่องแบบป้องกันเหตุ โดยภารกิจหลักคือไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอก เข้าไปในพื้นที่วัดพระธรรมกาย
ด้านฝั่งเจ้าหน้าที่วัดพระธรรมกาย ก็มีการเตรียมความพร้อมเช่นกัน เมื่อทราบว่าเจ้าหน้าที่ได้มารวมตัวอยู่บริเวณทางเข้าถนนเลียบคลองแอน ซึ่งศิษยานุศิษย์วัด และ พระสงฆ์ ได้ออกมานั่งปักหลักสวดมนต์ อยู่ภายในเต้นที่มีการติดสแลนปกปิดการมองเห็น บริเวณประตู 5 และ ประตู6 ซึ่งเป็นจุดที่ตำรวจเตรียมนำกำลังเข้าไปขอคืนพื้นที่ ในช่วงเช้าวันนี้ โดยศิษยานุศิษย์วัดบางคนได้มีการนำเสื้อกันฝนมาสวมใส่ เตรียมความพร้อมหากเจ้าหน้าที่ต้องใช้รถน้ำฉีดใส่ ผู้ที่มาขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่
ต่อมาในเวลา 03.00 น. มีพระสงฆ์ จำนวนหนึ่งได้เดินทางมาบริเวณเกาะกลางตรงทางเข้าถนนเลียบคลองแอน แต่เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ตรึงกำลังอยู่รอบพื้นที่ไม่อนุญาตให้พระสงฆ์ข้ามเข้ามาในพื้นที่ใกล้ทางเข้าถนนคลองแอน และมีการร้องขอให้พระสงฆ์กลุ่มดังกล่าวเดินเท้าข้ามเกาะกลางกลับไปยังฝั่งตรงข้ามตามเดิม
จากการสอบถามพระสงฆ์รูปหนึ่งที่เดินทางมาในกลุ่มพระสงฆ์ดังกล่าว ชี้แจงว่า กลุ่มพระสงฆ์นี้เดินทางมาจากวัดในจังหวัดศรีษะเกษ โดยเดินทางออกมาในช่วงเวลา 17.00 น.ประมาณ 3 คันรถบัส และที่เดินทางมาเพื่อจะปกป้องพระพุทธศาสนา โดยทราบข่าวจากสื่อและสื่อออนไลน์ต่างๆ จึงรวมตัวกันมาเพื่อจะขอร่วมปกป้องพระพุทธศาสนาอีกแรง แต่เมื่อทางเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่ ก็เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่แต่จะไม่เดินทางกลับจะขอปักหลักสังเกตุการณ์บริเวณฝั่งตรงข้ามทางเข้าถนนคลองแอนต่อไป
ประชุมขอคืนพื้นที่-ขอกำลังเสริม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 09.00 น. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 และ เจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้ง 5 ฝ่าย จะประชุมร่วมกัน เพื่อประเมินสถานการณ์ตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ทั้งภายในวัดและบริเวณรอบนอก ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมตามคำสั่งของคสช. โดยประชุมที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 เบื้องต้น จะมีการเสริมกำลังของตำรวจภูธรภาค 1-2-3 รวม 13กองร้อย ตามคำร้องขอของอธิบดีดีเอสไอด้วย