วันนี้ (24 ม.ค.2560) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้่นแปซิฟิก (TPP) ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักในนโยบายด้านเอเชียของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา กลายเป็นข้อตกลงที่ปราศจากสหรัฐฯ หลังจาก โดนัลด์ ทรัมพ์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามอำนาจบริหารถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณไปยังพรรคเดโมแครตและผู้นำทั่วโลกว่าประเด็นการค้าที่ทรัพม์เคยลั่นวาจาระหว่างการหาเสียงกำลังเป็นจริง โดยทรัมพ์ประกาศระหว่างการหาเสียงว่าจะถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลง TPP ซึ่งเป็นข้อตกลงค้าที่ทรัมพ์ระบุว่าเป็นหายนะที่เป็นภัยต่อแรงงานอเมริกันและภาคการผลิตของสหรัฐฯ
ข้อตกลง TPP เป็นข้อตกลงการค้าที่อดีตประธานาธิบดีโอบามา เป็นผู้ร่วมผลักดันและมีชาติที่ร่วมลงนามไปแล้ว 12 ชาติ โดยการเจรจาเริ่มขึ้นเมื่อ 2558 มีชาติเข้าร่วมเจรจาได้แก่ สหรัฐ, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, แคนาดาและเม็กซิโก ครอบคลุมเศษรฐกิจถึงร้อยละ 40 ของเศรษฐกิจโลก และได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากกลุ่มธุรกิจสหรัฐฯ เพราะมีเป้าหมายที่จะสร้างระบบการค้าตลาดเดียวแห่งใหม่ที่เชื่่อมโยงกับ
สหภาพยุโรป
ทั้งนี้ ข้อตกลง TPP ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรส ดังนั้น จึงยังไม่ส่งผลกระทบต่อนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯในทันที แต่ส่งสัญญาณถึงนโยบายการค้าในอนาคตของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลทรัมพ์ ที่แตกต่างและสวนทางกับรัฐบาลชุดก่อน นอกจากนี้ ทรัมพ์ยังลงนามอำนาจบริหารตัดงบอุดหนุนที่ให้กับองค์กรเอกชนที่สนับสนุนการทำแท้งในต่างแดนและระงับการว่าจ้างลูกจ้างรัฐบาลกลางที่ไม่ได้อยู่ในกองทัพ