"วันนั้น พระองค์ท่านตรัสว่า วันนั้นเราดูที่วังไกลกังวล เห็นสมรักษ์ถือรูปเราขึ้นไปบนเวที เรานึกว่าเราชกเอง ดูสมรักษ์ชกก็ลุ้น พอกรรมการตัดสินให้สมรักษ์ชนะ ก็เผลอตัวกระโดดดีใจ ข้าราชการผู้ใหญ่ที่นั่งดูอยู่ด้วย หัวเราะเรา เรารู้สึกอายก็เลยค่อยๆนั่งลง"
นายสมรักษ์ คำสิงห์ บรรยายความปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กับผู้สื่อข่าววันนี้ (19 ต.ค.2559) ถึงเมื่อครั้งเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท หลังจากประสบความสำเร็จคว้าเหรียญทองในโอลิมปิกเกมส์
นายสมรักษ์ มีโอกาสทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2539 ซึ่งเป็นเหรียญเดียวที่พระองค์ท่านเก็บไว้ ขณะที่นายวิจารณ์ พลฤทธิ์ ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท 4 ปีถัดมา ทั้ง 2 คน ยังจดจำเหตุการณ์ในวันที่เข้าเฝ้าได้เป็นอย่างดี โดยพระองค์ ทรงมีพระราชปฎิสันถาร อย่างเป็นกันเอง
" พระองค์ท่านถามผมว่าเหนื่อยมั้ย เราเป็นกำลังใจให้กับนักกีฬาทุกคนที่เข้าแข่งขัน และขอขอบใจที่ทำชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ ตอนนั้นความรู้สึกว่าท่านมีความเมตตา มีความรัก มีความห่วงใยประชาชนของท่าน" นายวิจารณ์ กล่าว
กีฬามวยเป็นกีฬาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงโปรดพร้อมกับทรงห่วงใยนักมวยไทย ที่มีพื้นฐานมาจากคนยากจน ได้รับการศึกษาน้อย แต่มีพรสวรรค์ ครั้งหนึ่งได้ตรัสไว้ระหว่างนายโฮเซ่ สุไลมาน ประธานสภามวยโลก เข้าเฝ้า เมื่อปี 2545 ว่า นักมวยเมื่อเลิกต่อยแล้ว ต้องประกอบอาชีพหรือดูแลตัวเองอย่างไร และทรงขอให้ผู้เกี่ยวข้องมีความซื่อสัตย์ต่อกัน ไม่เบียดบังผลประโยชน์ของนักมวย และทรงห่วงใยนักมวยที่ได้รับบาดเจ็บจากการชก ควรดูแลให้ดี รวมทั้งการจัดหาอาชีพเพื่อดูแลครอบครัวหลังเลิกชกมวยแล้ว