วันนี้ (22 ส.ค.2559) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการติดตามคดีระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ ว่า เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานและรู้เบาะแสของกลุ่มก่อเหตุแล้ว โดยมีประมาณ 20 คน การสืบสวนพบเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ของกลุ่มที่พยายามแสดงบทบาทและก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ มองว่าเป็นการวางแผนเฉพาะกิจในลักษณะให้ทดลองทำงานเพื่อให้ได้รับการยอมรับ
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวก่อนการประชุมสภาโหมว่า คดีระเบิดและเพลิงไหม้ใน 7 จังหวัดภาคใต้ มีความคืบหน้าไปมาก สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัย 1 คน โดยยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการก่อความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้และกลุ่มอุยเกอร์ พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงาน ขณะนี้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด เพราะอาจกระทบต่อรูปคดี
ส่วนกลุ่มสมาชิกพรรคแนวร่วมปฏิวัติประชาธิปไตย (นปป.) 15 คน เป็นกลุ่มคนต่อต้านรัฐบาล หากทำผิดก็ต้องดำเนินการแม้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ ยืนยันว่าไม่มีการจับแพะ เพราะเจ้าหน้าที่ติดตามมานานและมีพฤติกรรมแรงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่วันพรุ่งนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะนำหลักฐานใหม่ไปยื่นขออนุมัติศาลทหารออกหมายจับนายศักรินทร์ คฤหัสถ์ อีกรอบ
ด้าน พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรเมืองสุราษฎร์ธานี ประชุมติดตามคดีกับเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี หลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้ว 117 จุด สามารถเชื่อมโยงการเดินทางของผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 คน ที่แบ่งการทำงานเป็น 2 ชุดและมีพยานแวดล้อมให้เบาะแสการหลบหนี หลังวางเพลิงและวางระเบิดทั้ง 3 จุดแล้วเสร็จ โดยจุดสุดท้ายมีพยานยืนยันว่าผู้ต้องสงสัยเดินทางไปยังบริเวณหน้าสถานีตำรวจทางหลวงสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นจุดพักรถและจุดจอดรถเพื่อหลบหนี แต่ยังขาดการเชื่อมโยงว่า กลุ่มผู้ต้องสงสัยเดินทางไปทิศทางใด เจ้าหน้าที่จึงขอความร่วมมือประชาชนเข้าให้เบาะแส หากเห็นพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัยตามภาพวงจรปิด
ขณะที่ผู้ประกอบการตลาดเซ็นเตอร์พอยท์และตลาดถนนคนเดิน ย่านการค้าสถานีรถไฟใกล้ห้างลีมาร์ทซุปเปอร์ค้าส่ง จ.ตรัง ที่ถูกลอบวางเพลิงและระเบิด ยังคงได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ เนื่องจากประชาชนและนักท่องเที่ยวไม่มั่นใจในความปลอดภัย ทำให้รายได้ลดลงกว่าร้อยละ 50