วันนี้ (17 มิ.ย.2559) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง และรมว.กลาโหม เปิดเผยว่า การตรวจค้นวัดพระธรรมกายของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตามหมายค้นของศาล และการดำเนินคดีกับพระธัมมชโย ยึดตามขั้นตอนทางกฎหมาย และเป็นความรับผิดชอบของกระทรวงยุติธรรม โดยจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซง เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ยุ่งยากขึ้น ทั้งนี้ ไม่ห่วงหรือกังวลว่าคดีนี้จะยืดเยื้อ เพราะต้องยึดตามกฎหมาย พร้อมเชื่อมั่นว่ากระทรวงยุติธรรมรับมือได้ และไม่จำเป็นต้องปรับแผนฝ่ายความมั่นคงในการดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ
ส่วนกรณีคณะศิษย์ออกแถลงการณ์ว่าพระธัมมชโยจะมอบตัวต่อเมื่อประเทศเป็นประชาธิปไตยนั้น เห็นว่าไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะการดำเนินคดีต้องเป็นไปตามกฎหมาย และควรจะต้องแยกแยะว่าไม่ใช่เรื่องทางการเมือง แต่เป็นเรื่องคดีความ
รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีกลุ่ม นปช.ไปยื่นหนังสือขอเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติร่างรัฐธรรมนูญทั่วประเทศที่กระทรวงกลาโหมว่า หนังสือที่ยื่นเป็นคำชี้แจงขอเปิดศูนย์ของ นปช. แต่ขอย้ำว่าไม่สามารถให้เปิดศูนย์ได้ เพราะเรื่องใดที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งจะดำเนินการไม่ได้ หากเตือนแล้วยังฝ่าฝืนก็จะใช้มาตรการทางกฎหมาย ส่วนการที่วันนี้กลุ่ม นปช.จะยื่นข้อเรียกร้องดังกล่าวต่อองค์การสหประชาชาติ เห็นว่าเป็นเรื่องภายในประเทศ แต่หากจะยื่นก็เป็นเรื่องของทางกลุ่ม นปช.จะดำเนินการไป สำหรับการที่แกนนำพรรคเพื่อไทยหลายคนออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก และจัดทำเพจไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเป็นหน้าที่ของ กกต.ติดตาม เพราะรัฐบาลได้มอบหมายเรื่องประชามติให้ กกต.ไปแล้ว
พล.อ.ประวิตรระบุถึงกรณีสื่อต่างประเทศ นำเสนอข่าวการดำเนินคดีกับบริษัทที่จำหน่ายเครื่องตรวจวัตถุระเบิดแบบจีที 200 ในประเทศอังกฤษว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด ส่วนเครื่องจีที 200 ในกองทัพ เลิกใช้ไปนานแล้ว หลังจากรัฐบาลชุดที่แล้วมีคำสั่งให้ยุติการใช้งาน ส่วนจะมีการตรวจสอบย้อนหลังหรือไม่ ขอพิจารณาข้อมูลอีกครั้ง เพราะคดีนี้เป็นเรื่องเก่า
สำหรับกรณีที่มีการระบุว่า อุทยานราชภักดิ์ ขอเงินสนับสนุนจากองค์กรท้องถิ่นใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า อาจจะเป็นการขอรับการสนับสนุน จากหน่วยงานในพื้นที่ตามปกติ เนื่องจากอุทยานราชภักดิ์ มีเงินสนับสนุนจากการบริจาคเท่านั้น แต่หากหน่วยงานท้องถิ่นไม่สนับสนุนก็เป็นเรื่องของหน่วยงานนั้น