พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ ยืนยันว่า จะออกหมายเรียกให้พระธัมมชโย มารับทราบข้อกล่าวหาเป็นครั้งที่ 3 วันที่ 16 พ.ค.2559 ในคดีความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร มีชื่อเป็นผู้รับเช็คบริจาคจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด
ดีเอสไอออกหมายเรียกให้พระธัมมชโยมารับทราบข้อกล่าวหาเมื่อวานนี้ (25 เม.ย.2559) แต่พระธัมมชโยไม่มาตามหมายเรียก โดยทนายความได้ใบรับรองแพทย์มายืนยันว่ามีอาการอาพาธจึงไม่สามารถเดินทางมาได้ ดีเอสไอจึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลขออนุมัติออกหมายจับพระธัมมชโย แต่วันนี้ (26 เม.ย.) ศาลมีคำสั่งยกคำร้องโดยให้เหตุผลว่า จากการพิจารณาพยานหลักฐานเชื่อว่าไม่มีพฤติกรรมหลบหนี
ขณะที่วันนี้ (26 เม.ย.) พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย นำภาพที่แสดงถึงอาการป่วยของพระธัมมชโยมาแสดงต่อสื่อมวลชนเพื่อยืนยันว่าพระธัมมชโยไม่สามารถไปพบพนักงานสอบสวนของดีเอสไอตามหมายเรียกได้เพราะอาพาธหนัก อีกทั้งพระธัมมชโย ซึ่งขณะนี้อายุ 72 ปี ยังเป็นโรคภูมิแพ้ยังไม่สามารถไปพบบุคคลภายนอกวัดได้
นอกจากนี้ทีมทนายความของพระธัมมชโย ยังยื่นคำร้องขอคัดค้านการออกหมายจับ เพราะเห็นว่าการยื่นคำร้องขอออกหมายจับไม่ชอบด้วยกฎหมายและยืนยันว่า การขอเลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหาของพระธัมมชโยเป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมายและมีใบรับรองแพทย์มายืนยันชัดเจน
ขณะที่นายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า ขอเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย โดยไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง และมีกลุ่มที่จะฉวยโอกาสนี้สร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้น
"เรื่องนี้เป็นเรื่องของกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย มอบหมายใครไปแล้วก็ต้องให้คนนั้นทำ ผมไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งกับใคร เดี๋ยวจะมีคนมาฉวยประโยชน์ มันมีคนแสวงประโยชน์ทุกวัน เพราะฉะนั้นผมก็จะไม่พูดเยอะ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว