เมื่อวานนี้ (18 เม.ย.2559) นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รักษาการเลขาธิการ กกต. เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกต.มีมติกำหนดให้วันที่ 7 สิงหาคม 2559 เป็นวันออกเสียงประชามติ ส่วนระเบียบต่างๆ ทางสำนักงานเตรียมการไว้พร้อมแล้ว รอเพียง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีการประชุมพิจารณาประกาศใช้ระเบียบต่อไป
ส่วนกรณีการจัดพิมพ์และจัดส่งเอกสารร่างรัฐธรรมนูญ นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการ กกต.กล่าวว่า เอกสารที่ต้องดำเนินการ ได้แก่ ร่างรัฐธรรมนูญ คำอธิบาย และสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 หนังสือคำอธิบายหลักการและเหตุผล ประเด็นคำถามประกอบประชามติ สรุปสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ
สำหรับจำนวนในการจัดสรร คาดว่าหนังสือร่างรัฐธรรมนูญ หนังสือคำอธิบายฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 ประเด็นคำถามประกอบประชามติ เอกสารทั้ง 4 ชุดนี้จะจัดพิมพ์อย่างละ 4 ล้านเล่ม โดยจะแพ็คเป็นชุดเดียวกัน และจะจัดส่งไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและส่งไปตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ
ส่วนการจัดทำบุคเล็ต เพื่อสรุปสาระสำคัญร่างรัฐธรรมนูญ จะส่งไปยังทุกครัวเรือนจำนวนทั้งหมด 17 ล้านเล่มแจกไปยัง 19 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ ซึ่งบุคเล็ตนี้จะทำให้ประชาชนสามารถตัดสินใจลงประชามติได้ง่ายขึ้น โดยเอกสารทั้งหมดจะใช้วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 96 ล้านบาทรวมค่าจัดพิมพ์และค่าจัดส่ง
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าหากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ อาจจะนำรัฐธรรมนูญปี 2540 และปี 2550 มาปรับใช้นั้นว่า ยังไม่มีความชัดเจน ถือเป็นเพียงแนวคิด ซึ่งหากไม่ผ่านประชามติ จะต้องแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวเพื่อดำเนินการ เป็นอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ส่วนกรณีมีการรณรงค์รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้นไม่สามารถดำเนินการได้ รวมถึงกรณีการสวมเสื้อโหวตโน โหวตเยส ก็ไม่สามารถทำได้