วันนี้ (12 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสรายงานว่า ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 31 ค่ายจิระประวัติ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ นำน้ำออกแจกจ่ายน้ำให้กับชาวบ้านในต.วังม้า อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ หลังจากขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคมานานหลายเดือน ขณะที่เกษตรกรในต.ดงป่าคำ อ.เมือง จ.พิจิตร ต้องช่วยกันซ่อมแซมบ่อบาดาลเพื่อสูบน้ำใต้ดินขึ้นมาหล่อเลี้ยงสวนดาวเรือง และพืชผักสวนครัวที่เริ่มเหี่ยวเฉาจากการขาดน้ำ
ส่วนชาวบ้านแม่เชียงรายบน ต.พระบาทวังตวง อ.แม่พริก จ.ลำปาง นอกจากจะประสบภัยแล้งแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งพื้นที่เสี่ยงวาตภัย จากพายุฤดูร้อนด้วย ล่าสุดทำให้ชาวบ้าน ต้องเร่งซ่อมแซมบ้านเรือนให้มั่นคงแข็งแรง ป้องกันความเสียหายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ส่วนพื้นที่ภาคกลาง ที่จ.พระนครศรีอยุธยา สวนกล้วยของเกษตรกรในอ.บางบาล ที่ปลูกทดแทนการทำนาปรังเริ่มยืนต้นตาย เนื่องจากขาดน้ำ หลังคลองบางแก้วที่ไหลผ่านในพื้นที่แห้งขอด
ขณะที่ชาวบ้านหลายครอบครัว ในต.บางปะแดง อ.บางปะอิน ไม่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เนื่องจากสำรองน้ำไว้ในตุ่ม และโอ่งน้ำขนาดใหญ่ เช่น ที่บ้านของนายอุดม ลาภภักดี ที่มีโอ่งขนาดใหญ่กว่า 10 ใบ สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ได้หลายพันลิตร ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านจ.อ่างทอง ยังลงลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดระดับน้ำอยู่ที่ 56 เซ็นติเมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งอยู่ในระดับต่ำ และกระทบต่อน้ำทำการเกษตรในพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านต้องปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำที่ลดลง
ส่วนที่ภาคอีสาน ทหารและฝ่ายปกครอง นำน้ำสะอาดแจกจ่ายชาวบ้านในพื้นที่บ้านนาจาน หมู่ 5 ต.นาเยีย อ.นาเยีย จ.อุบลราชธานี หลังน้ำประปาหมู่บ้านมีคราบน้ำมันปนเปื้อน จนไม่สามารถอุปโภคบริโภคได้ เบื้องต้น ทางอำเภอได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบ และหาทางแก้ไขแล้ว
นอกจากนี้สำนักงานชลประทานศรีสะเกษ เร่งก่อสร้างคันคลองส่งน้ำเพื่อผันน้ำมูลไปเก็บกักในพื้นที่แก้มลิง เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่อ.กันทรารมย์ แก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร
ที่จ.นครราชสีมา ได้ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติแล้งแล้วกว่า 10 อำเภอ ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกว่า 50,000 ครอบครัว พื้นการเกษตรเสียหายเกือบ 5 แสนไร่ พร้อมเร่งจัดสรรงบประมาณเพื่อขุดเจาะบ่อบาดาลในทุกอำเภอ กว่า 80 บ่อ เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งแล้ว
ขณะที่ภาคใต้ สภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้เกิดไฟป่าในเขตนิคมสหกรณ์คลองท่อม อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าเข้าดับไฟป่า เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามไปยังบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร ขณะนี้สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงต้องเฝ้าระวังไฟที่อาจลุกไหม้ขึ้นได้อีก