การประชุมติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง วันนี้(3 มี.ค.) พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงเรื่องภัยแล้งว่า จากการประเมินและตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงต่อปัญหาการขาดแคลนน้ำพบว่ามีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งทั้งหมดรวม 42 จังหวัด 152 อำเภอ แบ่งเป็นพื้นที่วิกฤติเสี่ยงขาดแคลนน้ำ 12 จังหวัด 20 อำเภอ และพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง 40 จังหวัด 132 อำเภอ
โดยจากการรายงานของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ยืนยันว่าสามารถใช้น้ำบาดาลเป็นแหล่งน้ำสำรองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากข้อดีของน้ำบาดาลคือความมั่นคงในปริมาณไม่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพภูมิอากาศ ทำให้สามารถช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำได้ระดับหนึ่ง ทั้งนี้เตรียมจะขุดบ่อน้ำบาดาลเพิ่มอีก 1,000 บ่อทั่วประเทศ
ขณะที่การประปานครหลวงเตรียมแผนรองรับปัญหาขาดแคลนน้ำ โดยการต่อท่อน้ำประปาจากพื้นที่หนึ่งมาช่วยเหลืออีกพื้นที่หนึ่ง ยืนยันว่ายังไม่มีพื้นที่ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำประปา มีเพียงพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษในเขตพื้นที่การประปาสาขา 61 สาขา นอกจากนี้มีพื้นที่ 5 แห่ง ที่จะต้องดำเนินการลดแรงดันน้ำ ได้แก่ อ.ชนแดน จ.เพชบูรณ์ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น อ.พิมาย จ.นครราชสีมา อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี และอ.ศรีประจัน จ.สุพรรณบุรี ขณะที่มีพื้นที่ที่ต้องดูแลผลักดันน้ำเค็ม 3 แห่ง ได้แก่ จ.ฉะเชิงเทรา และพื้นที่ อ.บางคล้า อ.บางปะกง จ.สมุทรปราการ
สำหรับปฏิบัติการการทำฝนหลวง พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า เริ่มมีการขึ้นบินสำรวจความชื้นในอากาศ พร้อมยืนยัน ปัญหานักบินฝนหลวงที่ลาออกไปจำนวนนักบินที่มีอยู่ 54 คน สามารถปฏิบัติการฝนหลวงได้ภายใต้อากาศยานที่มีอยู่ 41 ลำโดยไม่ส่งผลกระทบใดๆ แต่ก็จะมีการพิจารณารับนักบินเพิ่มเพื่อแบ่งเบาภาระงาน เบื้องต้นได้ประสานกองทัพอากาศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดการผลิตนักบินแล้วพร้อมทั้งเตรียมของบประมาณจากกรมการบินพลเรือนในการผลิตนักบินรุ่นต่อๆไป ขณะเดียวกันจะมีการปรับเพิ่มอัตราค่าตอบแทนให้แก่นักบิน เริ่มต้นงวดแรกเดือน มิถุนายนนี้ด้วย